Mushroom Travel

ภูเขาสี่ดรุณี สัมผัสทิวเขาสวยเหมือนสวิสแห่งเมืองจีน

ภูเขาสี่ดรุณี

ออกไปท่องโลกกว้าง เยือนแดนมังกรกับอีกหนึ่งที่เที่ยวธรรมชาติสวยสุดใจและกำลังได้รับความสนใจ นั่นก็คือ ภูเขาสี่ดรุณี หรือ ซื่อกูเหนียงซาน (Siguniangshan) เทือกเขาสูงชันที่ตั้งเรียงติดกัน 4 ยอดเขา เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงอย่างมากของการ ทัวร์จีน เพราะความสวยงามและความยิ่งใหญ่ มองเห็นหิมะที่ปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปี อุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่าเขียวขจี พร้อมธารน้ำใสเย็นไหลผ่าน สวยงามจนถูกขนานนามว่าคือ “เทือกเขาแอลป์ในแผ่นดินจีน” นับเป็นจุดหมายปลายทางของคนชอบเที่ยวธรรมชาติที่ต้องไปให้ได้ ใครกำลังสนใจที่นี่ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล เตรียมข้อมูลและจุดไฮไลต์ที่ต้องไปบนเส้นทางสี่ดรุณ พร้อมสภาพอากาศแต่ละฤดูกาลมาให้แล้ว ตามไปเที่ยวกันได้เลย

ทำความรู้จักภูเขาสี่ดรุณี

Credit : Southtownboy / depositphotos.com

ภูเขาสี่ดรุณี (Four Girls Mountain) หรือในภาษาจีนเรียกว่า “ซื่อกูเหนียงซาน” (四姑娘山) ตั้งอยู่ในอำเภอเสี่ยวจิน เขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตและเชียงอาป้า มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 220 กิโลเมตร ชาวทิเบตเรียกขานกันในนามเทพศักดิ์สิทธิ์ “Skola” ซึ่งแปลว่า “เทพเจ้าผู้ปกปักรักษา” จุดเด่นก็คือเป็นยอดเขาสูงชัน 4 ลูก เรียงรายติดกันบนที่ราบสูงจากทิศเหนือถึงทิศใต้ เป็นระยะทาง 3.5 กิโลเมตร

ด้วยความที่ลักษณะทางกายภาพของภูเขาแตกต่างไม่เหมือนที่ไหน ทำให้ที่นี่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์มาก มีธารน้ำเย็นใสสะอาด พืชพันธุ์ไม้ต่างๆ เบ่งบานสดใส แถมยังมองเห็นภูเขาหิมะได้แบบชิดใกล้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภูเขาสี่ดรุณีถึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติยอดฮิต ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มา ทัวร์จีน เยี่ยมชมความงดงามและยิ่งใหญ่อลังการได้มากมาย

ปัจจุบันที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจีน รวมถึงยังเป็นแหล่งศึกษาวิจัยทางธรณีวิทยาและชีววิทยาที่สำคัญอีกด้วย

แนะนำตัวสี่สาวพี่น้อง ภูเขาสี่ดรุณี

Credit : mathes / depositphotos.com

บนยอดเขาทั้ง 4 ลูกนี้ มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ทำให้ดูเหมือนหญิงสาว 4 คนที่ศีรษะมีผ้าคลุมสีขาว จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูเขาสี่ดรุณี” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ ฉางผิงโกว และ ไห่จื่อโกว และยอดเขาทั้ง 4 ลูก มีชื่อเรียกและความสูง ดังนี้

1. พี่สาวคนโต : ต้ากูเหนียงเฟิง (大姑娘峰) ความสูงจากระดับน้ำทะเล 5,355 เมตร
2. พี่สาวคนรอง : เอ้อกูเหนียงเฟิง (二姑娘峰) ความสูงจากระดับน้ำทะเล 5,454 เมตร
3. พี่สาวคนกลาง : ซานกูเหนียงเฟิง (三姑娘峰) ความสูงจากระดับน้ำทะเล 5,664 เมตร
4. น้องสาวคนเล็ก : เหยาเหนียงเฟิง (幺妹峰) ความสูงจากระดับน้ำทะเล 6,250 เมตร

ตามตำนานทิเบตเล่ากันว่า ยอดเขาที่สูงที่สุด คือน้องสาวคนสุดท้อง เพราะตามธรรมเนียมท้องถิ่น คนน้องจะมีความเป็นอยู่สบายที่สุด ตัวจึงโตที่สุด ส่วนคนพี่นั้นต้องทำงานช่วยพ่อแม่ เลี้ยงน้อง ร่างกายจึงไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ทำให้กลายเป็นภูเขาที่มีขนาดเล็กที่สุดนั่นเอง

เที่ยว ภูเขาสีดรุณี ช่วงไหนดี ?

Credit : Perly blue / shutterstock.com

เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ถูกใจนักเดินทางสายลุยสุดๆ และก่อนออกเดินทางต้องเตรียมความพร้อมให้ดี เพราะสภาพภูมิอากาศของที่นี่แตกต่างกันสุดขั้ว ด้านบนของภูเขาจะอากาศหนาวเย็นไปจนถึงมีหิมะ ส่วนด้านล่างบริเวณตีนเขา ช่องหุบเขา รวมถึงแหล่งน้ำ จะเป็นภูมิอากาศแบบเขตร้อน ทำให้สภาพอากาศในแต่ละฤดูแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน รวมถึงดอกไม้ในแต่ฤดูกาลก็เบ่งบานไม่เหมือนกัน

สำหรับการมาเที่ยวที่นี่นั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ดังนี้

1. ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม

อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -5 ถึง 16 องศา ยังมีความหนาวเย็นอยู่ หิมะจะค่อยๆ ละลายไปบ้าง ส่วนเหล่าดอกไม้และต้นไม้นานาพันธุ์จะพากันเบ่งบาน แต่งแต้มสีสัน ตัดกับยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน

2. ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม

อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 17 – 30 องศา สภาพอากาศกลางวันและกลางคืนจะต่างกันมาก ช่วงกลางวันจะค่อนข้างอุ่น พอตกกลางคืนจะหนาวเย็น และเป็นฤดูกาลที่เหมาะสำหรับมาเที่ยวมากที่สุด เพราะเดินป่าได้สบายตัว มองเห็นดอกไม้บานสวยงามเต็มหุบเขา แถมยังสามารถลงไปเล่นน้ำในลำธารได้ชิลๆ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย แต่ก็อาจจะทำให้เจอนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ค่ะ

3. ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน

อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -8 ถึง 16 องศา อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น และจะได้ชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสี ทั่วทั้งพื้นที่จะละลานตาไปด้วยต้นไม้สีเหลืองทองสลับกับสีแดง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สวยงามเหมือนอยู่ในฝัน ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มองเห็นภาพทิวทัศน์ภูเขาหิมะสะท้อนเหนือแม่น้ำอันสงบเงียบ นับว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุด

4. ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์

อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -14 ถึง 5 องศา ความหนาวเย็นยะเยือกค่อยๆ ทวีคูณ สัมผัสหิมะขาวโพลน ตามต้นไม้ใบหญ้าต่างถูกปกคลุมไปด้วยหิมะปุยนุ่ม ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีขาวทั้งหมด กิจกรรมต่างๆ อย่างการเดินป่า ควรหลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยค่ะ

3 เส้นทางท่องเที่ยวไฮไลต์

Credit : Southtownboy / depositphotos.com

1. ซวงเฉียวโกว (Shuangqiao Valley)

เส้นทางนี้เป็นหุบเขาที่ลึกที่สุดและสวยที่สุด มีระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ตลอดทางจะเห็นหุบเขา ธารน้ำ ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ และยอดเขารูปร่างแปลกตา มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะขาวโพลน ทั้งยังมีฝูงจามรีให้เห็นตลอดทาง ถือได้ว่าเป็นเส้นทางที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ เพราะเป็นเส้นทางที่สะดวก โดยมีรถบัสของอุทยานฯ ให้บริการตลอดเส้นทาง สามารถแวะลงตามจุดต่างๆ ได้ ใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็เที่ยวครบแล้ว

Credit : takepicsforfun / depositphotos.com

2. ฉางผิงโกว (Changping Valley)

เส้นทางที่จะได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง มีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอุทยานฯ ตลอดเส้นทางจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าสน เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสมัยโบราณ ผ่านน้ำตก ลำธาร หมู่บ้านชาวทิเบต และฝูงจามรี มองเห็นวิวภูเขาสูงตลอดสองข้างทาง โดยรถบัสของอุทยานฯ จะเข้าไปส่งนักท่องเที่ยวได้เพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น จากนั้นต้องเดินต่อไปเอง ใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน ไปกลับในเส้นทางเดิม

Credit : foxto / depositphotos.com

3. ไห่จื่อโกว (Haizi Valley)

เส้นทางเดินป่าระยะไกล มีระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร แต่เส้นทางค่อนข้างลาดชัน สามารถขึ้นไปบนยอดเขาได้แต่ต้องมีไกด์ท้องถิ่นเท่านั้น มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูงมาก ตลอดเส้นทางอาจเจอเหล่าสัตว์อนุรักษ์ อย่างเช่น ลิงขนทอง แรคคูน และอื่นๆ ทั้งยังมีพันธุ์พืชหายากอีกมาก ที่สำคัญเส้นทางนี้ไม่มีรถให้บริการ ต้องเดินเท้าอย่างเดียว ใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน ไปกลับในเส้นทางเดิม หรืออาจจะต้องพักค้างคืน เรียกได้ว่าใครที่เป็นสายเดินป่า ชอบความท้าทาย ถูกใจแน่นอน

การเตรียมตัวก่อนขึ้นภูเขาสี่ดรุณี

ส่วนมากแล้วการเที่ยวชม ภูเขาสี่ดรุณี จะมีอยู่ 2 แบบ คือ นั่งรถบัสเที่ยว แวะถ่ายรูปตามจุด กับ สายเดินป่า ตั้งแคมป์อย่างจริงจัง ฉะนั้นพี่เห็ดมีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเข้าอุทยานฯ ดังนี้ค่ะ

1. หากใครมีโรคประจำตัวควรพกยาไปด้วย แต่หากใครกลัวความสูง หรือแพ้ความกดอากาศต่ำ ควรระมัดระวัง แนะนำว่าให้ค่อยๆ เดิน ไม่เร่งรีบเกินไป เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว รวมถึงนอนพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะที่ตั้งของอุทยานฯ เป็นพื้นที่ราบสูง ทำให้มีออกซิเจนเบาบาง

2. สำหรับนักท่องเที่ยวสายเดินป่า ตั้งแคมป์ ควรเตรียมตัวมาให้ดี ฟิตร่างกายมาให้พร้อม ออกกำลังกายและฝึกการหายใจ ทางที่ดีควรมีกระป๋องออกซิเจนพกติดตัวไว้ ถ้าไปเที่ยวกับทัวร์สามารถซื้อกับหัวหน้าทัวร์ประจำทริปได้เลย และควรเตรียมเสื้อผ้า อุปกรณ์กันหนาวต่างๆ ให้พร้อม เพราะสภาพอากาศข้างบนหนาวเย็นตลอดปี รวมถึงอาจจะมีหมวก แว่นกันแดด ครีมกันแดด หรือร่ม เตรียมพร้อมให้เหมาะกับสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลด้วย

การเดินทางไปภูเขาสี่ดรุณี

Credit : Sabuygru / shutterstock.com

ภูเขาสี่ดรุณี อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตู ประมาณ 220 กิโลเมตร โดยสามารถเดินทางไปได้ 3 เส้นทางหลักๆ ดังนี้

เครื่องบิน : จากเมืองเฉิงตูไปยังสนามบินเหวินชวน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถบัสไปยังอุทยานแห่งชาติภูเขาสี่ดรุณี ใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง

รถไฟ : จากเมืองเฉิงตูไปยังสถานีรถไฟเหวินชวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถบัสไปยังอุทยานแห่งชาติภูเขาสี่ดรุณี ใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง

รถบัส : ขึ้นรถบัสจากเมืองเฉิงตู มุ่งหน้าไปยังเมืองรื่อหลง ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

เมืองจีนถือเป็นดินแดนที่เที่ยวเมื่อไหร่ก็มีแต่ความอัศจรรย์ใจ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์สุดๆ และมีเส้นทาง ทัวร์จีน ใหม่ๆ ให้เราไปสัมผัสมากมาย อย่างเช่น อุทยาน ภูเขาสี่ดรุณี ที่สวยงามน่าค้นหาแห่งนี้ พี่เห็ดบอกเลยว่า ทิวทัศน์ธรรมชาติในทวีปเอเชียบ้านเราก็สวยไม่แพ้ทวีปยุโรปเลยจริงๆ


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Likeและติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————
Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์จีน ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id : @mushroomtravel

ภูเขาสี่ดรุณี สัมผัสทิวเขาสวยเหมือนสวิสแห่งเมืองจีน was last modified: February 20th, 2024 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version