คุณผู้หญิงเคยเป็นบ้างไหมคะ ที่บางอารมณ์จู่ๆ ก็รู้สึกติสท์ขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ อยากอยู่คนเดียว อยากดูหนังกินข้าวคนเดียว อยากซื้อของช้อปปิ้งคนเดียว หรือบางทีก็อยากหนีไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ คนเดียวซะเลย
แต่!! จะติดอยู่นิดเดียวก็ตรงความเป็นผู้หญิงนี่แหละที่อาจทำให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับคุณผู้ชาย ถึงแม้ผู้หญิงหลายๆ คนจะพยายามเรียกความกล้าให้ตัวเองด้วยประโยคที่ว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า เพราะฉันมีหน้าตาเป็นอาวุธ” แต่ยังไงเสียคุณก็ปฎิเสธไม่ได้หรอกว่า ผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวนั้นมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเกิดอันตรายอยู่ดี แม้จุดหมายปลายทางของคุณจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองหรือประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกก็ตาม แต่คุณก็ไม่ควรประมาทจนเกินไปนัก และถ้าคุณพร้อมแล้วที่จะออกไปผจญภัยจริงๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ 10 Safest Destinations for Solo Female Travelers
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้หญิงจำเป็นต้องทำเมื่อต้องการออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวก็คือการติดอาวุธป้องกันตัวไปด้วย และต้องเป็นอาวุธที่เราสามารถพกพาไปได้ทุกที่และไม่ผิดกฎหมายของประเทศใดๆ ซึ่งก็คือ “อาวุธทางปัญญานั่นเอง”
ดังนั้นวันนี้มัชรูมทราเวลจะมาสอนคุณผู้หญิงที่อยากมีประสบการณ์ออกเดินทางคนเดียวด้วยเทคนิคการเอาตัวรอดจากแนวโน้มอันนำไปสู่การถูกล่อลวงและล่วงละเมิดที่อาจเกิดได้ทุกเมื่อโดยการ “โกหก” ค่ะ
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันที่มาที่นี่”
นี่อาจเป็นคำโกหกประโยคแรกสุดที่คุณต้องใช้เมื่อเดินทางไปเที่ยวคนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงและปฏิเสธสิ่งที่ไม่ต้องการ อย่างเช่นในกรณีที่คุณเดินทางไปถึงสนามบินปลายทาง และต้องต่อรถแท็กซี่หรือรถรับจ้างไปยังที่พักซึ่งได้จองไว้แล้ว คนขับรถอาจชวนคุณคุยไปเรื่อยๆ และถ้าหากเขารู้ว่านี่คือการเดินทางครั้งแรกของคุณ โอกาสที่จะถูกหลอกให้พานั่งรถอ้อมไปไกลๆ เพื่อเรียกค่าโดยสารที่แพงขึ้นกว่าเดิมก็มีสูง นอกจานั้นคุณยังสามารถนำประโยคโกหกนี้ไปใช้ในกรณีอื่นๆ ได้ เพราะเป้าหมายที่มิจฉาชีพต้องการมากที่สุดก็คือเหยื่อที่เพิ่งเคยเดินทางมาเยือนสถานที่นั้นๆ เป็นครั้งแรกนั่นเอง
“ใช่ค่ะ ฉันมีแฟนแล้ว”
ผู้หญิงที่เดินทางเที่ยวคนเดียวมักจะเป็นที่สนอกสนใจของหนุ่มเจ้าชู้ชีกอเสมอ โดยเฉพาะถ้าผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างจะหน้าตาดีจนเข้าขั้นเรียกว่าน่ารักถึงสวยแล้วล่ะก็ โอกาสที่จะมีหนุ่มๆ มาก้อร้อก้อติกนั้นแทบจะ 100% เลยทีเดียว ซึ่งผู้ชายบางคนก็อาจจะเข้ามาแค่เพียงแสดงอาการหมาหยอกไก่ แซวเล่นขำๆ ไม่จริงจังแต่ถ้าได้ก็ดี แต่บางคนก็อาจจะหมายหมั้นปั้นมือว่าจะต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรืออย่างอื่นที่มากกว่านั้นก็ตาม ดังนั้นหากคุณรู้สึกรำคาญหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย ก็ให้บอกพวกเขาเหล่านั้นไปว่าคุณมีแฟนแล้ว พร้อมกับแสดงรูปถ่ายของคุณที่ถ่ายกับเพื่อนผู้ชายหรือพี่ชายอย่างสนิทชิดเชื้อให้พวกเขาเหล่านั้นดู ก่อนจะรีบหลบฉากหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษนะคะ ฉันจำชื่อโรงแรมที่พักไม่ได้”
ถ้าคุณเจอใครบางคนที่กระตือรือร้นเหลือเกินที่อยากจะรู้ว่าคุณเป็นใคร กระทั่งต้องการทราบว่าคุณพักอยู่ในโรงแรมไหน หรือบางทีคุณอาจจะเจอคนที่คุยกันถูกคอ จากนั้นเขาอาจจะลองเชิงโดยถามถึงที่พักของคุณ จงจำไว้ว่า ต่อให้คุยกันถูกคอมากขนาดไหนก็อย่าเพิ่งไว้ใจแล้วเปิดเผยความเป็นส่วนตัวให้คนอื่นรับรู้ โดยเฉพาะข้อมูลโรงแรมที่พักนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะบอกให้คนนอก อย่างไรก็ดี การปฏิเสธออกไปอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ดังนั้นคุณผู้หญิงอาจจะแกล้งจำชื่อที่พักไม่ได้ เพียงแค่อธิบายรายละเอียดของที่ตั้งในแง่ที่คลุมเครือเท่านั้นก็พอ
“ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้”
ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาสากลที่ถูกใช้เพื่อการสื่อสารในโลกใบนี้ ดังนั้นถ้าคุณผู้หญิงต้องการออกไปเที่ยวคนเดียวต่างถิ่นอย่างสงบ และไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาไกด์เถื่อนที่กำลังจ้องมองหาลูกค้าหน้าใหม่ๆ แล้วล่ะก็ คำปฏิเสธที่ง่ายๆ โดยไม่ต้องเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายต้องเซ้าซี้ต่อไปก็คือ ให้คุณพูดประโยคภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นว่าคุณไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาอังกฤษ จากนั้นก็ให้รีบเดินจากไปทันที
“ฉันมาเที่ยวกับเพื่อน”
เป็นเรื่องที่น่าเบื่อและน่ารำคาญที่สุดสำหรับใครก็ตามที่ต้องการออกเดินทางไปเที่ยวคนเดียว โดยเฉพาะคุณผู้หญิง (อีกแล้ว) นั่นก็คือคุณจะเป็นเป้าหมายแรกของบรรดาเหล่ามิจฉาชีพ ไกด์เถื่อน รถรับจ้างเถื่อน ฯลฯ มากกว่านักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ ดังนั้นหากคุณรู้สึกทนไม่ไหวและต้องการออกจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดเมื่อถูกตามตื๊อก็คือ บอกพวกเขาไปว่าคุณมาเที่ยวกับเพื่อน แต่วันนี้แค่ต้องการออกมาเดินสำรวจส่วนอื่นๆ ของเมืองคนเดียวเท่านั้น และไม่อยากให้ใครรบกวน จากนั้นก็ไม่ต้องให้ความสนใจกับพวกเขาอีกต่อไป
เป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้หญิงเที่ยวคนเดียวมักจะถูกมองเป็นเหยื่ออันโอชะในสถานที่อันแปลกถิ่น ไม่ว่าที่นั่นจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัยมากแค่ไหนก็ตาม แต่คุณก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะภัยร้ายนั้นแฝงตัวอยู่ทุกที่ วิธีเดียวที่จะทำให้คุณสามารถเอาตัวรอดได้ไม่ใช่ “กำลัง” แต่ด้วย “สมอง” ต่างหาก