Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

สวิส อิตาลี (Swiss – Italy) 10 วัน กินเอง เที่ยวเอง เต็มอิ่มตาม Route ยอดนิยม ตอนที่ 1

โพสเมื่อ

ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ รีวิว เที่ยว สวิส อิตาลี ด้วยตัวเอง เที่ยวชมสถานที่เที่ยวฮิตๆ จัดเต็ม 10 วัน ตามไปลุยกันเลยค่ะ


สวิส อิตาลี (Swiss – Italy) 10 วัน กินเอง เที่ยวเอง เต็มอิ่มตาม Route ยอดนิยม ตอนที่ 1

สวัสดีทุกคนครับ กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวการท่อง เที่ยว ส วิ ส อิตาลี ด้วย ตัว เอง ของผม มาเริ่มกันเลยดีกว่า…..

Day 1 : Zurich – Luzern

มายุโรป ครั้งนี้ผมนั่งเครื่องมาลงที่ Zurich ตอน 07:00 ผ่านตม. มาแล้วก็ไปซื้อ Half Fare Ticket ที่ Railway Travel Center ในสถานีเลย                                           ราคาคนละ 120 CHF (4,116 บาท) แล้วก็ซื้อตั๋วไป Lucern อีกคนละ 15 CHF (514 บาท)

รถที่ไป Lucern ขึ้นได้ทุกขบวน และทั้งวัน เพราะเป็นตั๋วแบบ Open ผมเลือกเวลา 08:47 เพราะเป็น Direct Train ไม่ต้องต่อที่สถานีไหนเลย                                         ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 2 นาที มาถึง Lucern 09:49

 Hotel fox 

Hotel Fox เป็นโรงแรม 3 ดาวเล็กๆ เดินจากสถานีมาประมาณ 750 เมตร หรือเดินก็แค่ 10 – 15 นาทีเองครับ ผมจองห้องนอนเป็นห้องสำหรับ 4 คน                   คืนละประมาณ 6,800 บาท(รวม Tax คนละ 3 CHF ต่อคน ต่อคืนเข้าไปแล้ว) เตียงนุ่ม ผ้าห่มอุ่นสบายมากๆ เป็นโรงแรมที่ประทับใจมากๆ ของทั้งทริปนี้                       และถือว่าราคาหารต่อคนแล้วไม่แพงเลยครับสำหรับมาที่โรงแรมจะให้ตั๋วรถเมล์ฟรีมาด้วยสำหรับ 3 วัน (ตามจำนวนที่เข้าพักครับ) ผมพัก 2 คืนเลยได้ 3 วัน ที่โรงแรมไม่รวมอาหารเช้านะครับ  ถ้าอยากทานอาหารเช้าด้วยต้องเพิ่มเงิน 15 CHF (514 บาท)

 Macchi-Bäckerei 

ร้านขนมและแซนวิช ร้านมีสาขาค่อนข้างเยอะเลย ผมแวะมาทานก่อนเดินไป Chapel Bridge เป็นร้านแบบ Grab and go มีคนเข้าออกตลอดเวลา                             ซื้อเดินทานกันเป็นเรื่องปกติ

 10′ Dieci 

ร้านไอศครีมเจลาโต้ ริมน้ำตรงสะพาน Chapel Bridge เลย อยู่ติดๆกับ Starbucks โซนแถวนี้คนจะเยอะทั้งวัน ทั้งคืน เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของ Luzern  นอกจากไอศครีมแล้ว ที่ร้านยังมีเมนูกาแฟให้เลือกทานอีกนิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้นิยมเท่าเมนูไอศครีมครับ ผมเลือกถ้วยที่ได้ 3 รส 5 CHF (171 บาท)          ถ้วยเล็กจริงๆ แต่ไอติมอร่อย แบบโคนก็ 5 CHF (171 บาท)

 Chapel Bridge (Kapellbrücke)

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 Lion Monument 

ผมเดินจาก Chapel Bridge ตาม Google Map มาเรื่อยๆ ประมาณ 1 กิโลเมตรได้ครับ ก็มาถึงอีกสถานที่สำคัญ ที่เป็นอณุสรณ์สงครามให้แก่ทหารของสวิส

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 Jeff’s Burger (Made in Luzern)

ร้านที่หลายๆคนแนะนำให้มาลองทานดูถ้า มายุโรป และเป็นร้านที่ Fully booked ตลอดเวลา ผมไปถึงร้านประมาณ 16:00 (เพื่อรอร้านเปิด)                                 แต่ร้านเปิด 17:30 เลยต้องรอหน่อย
พอได้เวลาก็พูดคุยทำความรู้จักเมนูกันหน่อย ร้านนี้จะมีแค่เบอร์เกอร์ เนื้อ ไก่ และ Veggie เท่านั้น และของทานเล่นอีกนิดหน่อย จำพวก french fries

ซื้อ sim 2 fly ของ AIS มา 890 บาท ใช้ได้ 3 Gb สำหรับ 2 ประเทศ มาถึงวันแรกหมดไปแล้ว 2 Gb แบบไม่ได้ใช้อะไรมากมายเลย แทบไม่ได้โหลดอะไรเลย          โพสรูปใน fb ครั้งเดียวส่วนใหญ่
มีแต่หาข้อมูลทาง Google เลยซื้อซิมที่ร้าน Salt. 10 CHF (340 บาท) ใช้ได้ 10 วัน และแถมให้อีก 10 วัน (Data แบบ unlimited เลยครับ)                                       แนะนำให้มาซื้อซิมใส่ที่ประเทศที่เดินทางไป ดีกว่า ประหยัดหว่าเยอะเลยครับ  ผมพก Pocket Wifi ไปเอง เพื่อแชร์สำหรับ 4 เครื่อง สบายๆเลยครับ

Day 2 : Luzern – Mt. Pilatus

 Rathaus Brauerei (Luzern) 

ตื่นเข้ามาก็หาอะไรทานกันก่อน ร้านนี้เสิร์ฟอาหารทั้งวันครับ ตั้งแต่เช้ายันดึกเลย เช้าๆ คนก็เข้ามาทานกาแฟกับอาหารเช้ากัน ตกดึกก็นั่งทานอาหารหนัก                   พร้อมเหล้า เบียร์กัน

 Mt. Pilatus 

ผมเดินไปซื้อตั๋วกระเช้าที่จะขึ้น Mt. Pilatus จากในสถานีรถไฟเลยครับ (ที่ vbl) คนละ 36 CHF (1,234 บาท) พอได้ Voucher แล้วก็เก็บไว้ก่อน                                   จากนั้นก็นั่ง Bus จากสถานีรถซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟเลยครับ
นั่งสาย 1 (นั่งฟรี เพราะได้ตั๋วรถ Bus จากที่โรงแรมให้มา ใช้ได้เฉพาะโซน 10 ก็คือโซนในเมือง) นั่งมาลงที่สถานี “Kriens” ซึ่งจะมีประกาศบนรถ Bus     เมื่อถึงสถานี “Kriens” เลยครับ คนจะลงเยอะพอสมควร

พอลงรถแล้ว ข้ามถนนเดินมาทางโบสถ์ เดินมาประมาณ 10 นาที ก็จะเจอสถานีกระเช้า เอา Voucher ที่ซื้อมา นำมาแลก Ticket ซึ่งจะต้องไว้เสียบที่เครื่อง                   เพื่อขึ้นกระเช้า

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

กระเช้าเป็นกระเช้าเล็กสำหรับ 4 คนครับ ขึ้นมาจะมาลงที่จุดชมวิวแรกก่อน แล้วเปลี่ยนกระเช้าใหญ่อีกที เพื่อขึ้นมาบนยอด Pilatus

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 Steinbock Bar

บาร์เล็กๆ อยู่บนยอดเขา Pilatus เลย ซึ่งอยู่ในส่วน Indoor เห็นวิวทิวเขาผ่านกระจก ที่บาร์มีเครื่องดื่มที่เป็นชา กาแฟ Soft Drink เบียร์ และไวน์ แต่นั้นครับ

ขากลับลงจาก Mt. Pilatus ใช้เส้นทางเดิมเลยครับ ย้อนกลับมาที่ Lucern กลับมาถึงก็เย็นๆแล้ว เลยหาอะไรทานกัน

 New Point (Luzern)

วันเสาร์ อาทิตย์ตอนเย็นร้านจะปิดเร็วมากๆ แม้แต่ร้านสะดวกซื้อ ก็จะปิดประมาณ 16:30 ส่วนร้านอาหารต่างๆ ก็ยังพอมี แต่ก็ไม่ได้เปิดเยอะเหมือนวันธรรมดา ผมแวะมาทานร้านนี้ เพราะเป็นร้านที่เปิด ระหว่างทางกลับโรงแรมพอดี มาทานแบบไม่มีตัวเลือกมากนัก เมนูที่ร้านเป็นเมนู Pizza Pasta Kabab
ที่ร้านพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ ไม่เหมือนร้านอื่นๆ ที่พูดคล่อง เข้าใจง่าย แต่พนักงานก็พยายามพูดคุย แล้วถามว่ามาจากประเทศอะไร พอบอกว่ามาจากเมืองไทย          เลยเปิด Youtube เพลงลูกทุ่งมาเอาใจใหญ่เลย

Day 3 : Luzern – Interlaken Ost

ออกจากโรงแรมมาเช้าหน่อย เพื่อซื้อตั๋วไป Interlaken Ost ที่ SBB CFF FFS ซึ่งอยู่บนสถานีรถไฟเลยครับ ใช้บัตร Half Fare                                                            เหลือคนละ 16.50 CHF (566 บาท) มีออกทุกชั่วโมง เป็น Direct Train ผมเลือกเวลา 09:05 ใช้เวลา 1.50 ชั่วโมง
ระหว่างทางก็ดูวิวทิวทัศน์เพลินๆ ไปเรื่อยๆ สวยมากครับ ใครมา เที่ยว ส วิ ส อิตาลี ด้วย ตัว เอง พลาดไม่ได้เลย ก่อนขึ้นรถไฟ                                                                      ก็หาซื้อแซนวิชขึ้นมาทานบนรถไฟ แต่วันอาทิตย์ ร้านส่วนใหญ่เปิดกันสาย หรือไม่ก็ปิดไปเลย
เลยมาจบมื้อที่ Co op ใต้สถานี ตุนๆๆ อาหารไว้ ชิ้นละ 2-5 CHF แต่ที่ถูกคือสตรอเบอร์รี่ 500 กรัม 1.90 CHF (65 บาท)

 Youth Hostel, Interlaken Ost. 

มาถึง Interlaken Ost. ประมาณ 11 โมง ก็เดินมาที่พัก ที่คนไทยนิยมมากๆ เพราะถูก และอยู่ติดสถานีรถไฟเลย แถมรวมอาหารเช้าอยู่แล้ว เวลาเช็คอิน          จะเป็น 15:00 และเช็คเอ้าท์ 10:00 Youth Hostel ที่ผมจองมาเป็นห้องสำหรับ 4 คน เป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียง จะตู้ Locker ซึ่งสามารถใช้ Keycard                                  ในการ Activate ตู้ Locker ของใครของมัน และมีอ่างล้างหน้าอยู่ในห้องเลย ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม รวมถึงห้องอาบน้ำรวมด้วย                                                      ราคาคืนละ 189 CHF (6,500 บาท) ส่วนอาหารเช้าของที่ Youth Hostel เป็นแบบง่ายๆ ชา กาแฟ น้ำผลไม้ และก็จะมีขนมปัง พร้อมแฮมอีก 2-3 ชนิด

มุ่งหน้าเมือง Bern 

ผมมาถึง 11 โมงเลยรีบเช็คอิน และฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วมุ่งหน้าออกเดินทางไปเมือง Bern (เมืองหลวงของ Switzerland) ซึ่งหากจาก                              Interlaken Ost. 56 กิโล ซื้อตั๋วไปเมือง Bern (Capital City) ซึ่งเป็นเมืองมรดกวัฒนธรรมของโลก โดย Unesco โดยค่าตั๋ว ไป-กลับ                                                 คนละ 29 CHF (998 บาท) ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 1 ชม.

 Bern, The Capital City 

ท้องอิ่มแล้วก็พร้อมลุย เริ่มจากเดินเล่นรอบเมืองเก่า ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Gothic สวยงามทั้งเมืองเลยจริงๆ จุดมุ่งหมายอยู่ที่ Berner Munster                                     เป็นวิหารประจำเมือง Bern เดินเล่นถ่ายรูป แดดจัดๆ มุมไหนก็สวยไปหมดเลยครับ ชอบจริงๆเมืองนี้ใคร มายุโรป ห้ามพลาดเลย

จุดหมายอีกอย่างนึงที่ลงฝั่ง Interlaken West อยู่ที่ร้าน Bebbis Restaurant ซึ่งจะอยู่ติดๆ กับสถานี Interlaken West เลย ร้านจะอยู่ชั้น 1 ของโรงแรม Hotel Bernerhof Interlaken และเป็นร้านที่มีลูกค้าแน่นมากๆ โดยเฉพาะคนไทย และคนจีนวันที่ผมไปทานมีคนไทยประมาณ 40 คนได้ ส่วนจีนก็น่าจะพอๆกัน
คือมา เที่ยว ส วิ ส อิตาลี ด้วย ตัว เอง ทั้งทีก็ลองให้หมดทุกประเภทของฟองดูเลย รสชาติไม่ต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่ คือทานที่ไหนก็เหมือนกัน แต่ที่ต่างก็แค่ Chocolate Fondue  ที่ของช็อคโกแลตที่นี่จะบางกว่า ไม่ใช่จิ้มแล้ว ช็อคโกแลตก็แข็งปั่กเลย และที่ชอบคือมีแมคคาเดเมียผสมไปด้วย

Day 4 : Interlaken Ost. – Mt. Schilthorn

Schilthorn จุดมุ่งหมายของการมา เที่ยว ส วิ ส อิตาลี ด้วย ตัว เองที่ Interlaken ซึ่งถ้าจะขึ้น Jungfrau ก็ต้องมาเริ่มต้นกันที่นี่เหมือนกันครับ                                        แล้วแต่ใครอยากขึ้นยอดไหน ส่วนที่ผมตัดสินใจขึ้น Schilthorn  เพราะจะได้เห็นยอดของ Bietenhorn Jungfrau และ Allmendhubel                                        และจุดเด่นของ Schilthorn ก็คือเคยเป็นที่ถ่ายทำหนังเรื่อง 007 เมื่อนานมากแล้ว เมื่อปี 1969 James Bond “On Her Majesty Secret Service”

การเดินทางขึ้น Schilthorn 

1. Interlaken Ost. – Lauterbrunnen by Train (3 Stop)
– Lauterbrunnen เมืองเล็กๆ อยู่ท่ามกลางหุบเขา บ้าน โรงแรม ร้านค้า ส่วนใหญ่ก็สร้างด้วยไม้ สวยงามแบบ Country เดินเล่นไปเรื่อยๆ                                                 แวะเที่ยวน้ำตก Staubbach Falls ซึ่งเดินจากสถานี 10 นาที น้ำตกเป็นน้ำตกเล็กๆ เล็กจริงๆ น้ำน้อย ไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็ถือว่ามาพักผ่อน                                                 เดินเล่นอากาศดีแล้วกัน พอเสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่ทางขึ้น Cable Car ซึ่งก็อยู่ติดๆกับสถานีรถไฟเลย

DRINK

Truly Asia 

กลับมาถึง Interlaken แล้วก็หาอะไรทานกันครับ มาจบที่ร้านนี้ Truly Asia ที่มีทั้งไทย จีน เวียดนาม เกาหลี สิงคโปร์ คือประเทศไหนมีอะไรเด่นๆ             ก็เอามาเป็นจุดขายหมดเลย ร้านจะอยู่ฝั่ง Interlaken Ost. มุ่งหน้าไปฝั่ง West ร้านจะอยู่ด้านขวามือ ติดๆกับโรงแรม Linder Grand Hotel

Day 5 : Interlaken Ost. – Brig – Milan – Venice

ผมขึ้นนรถไฟจาก Interlaken Ost. ไปเปลี่ยนขบวนที่เมือง Spiez แล้วต่อไปเมือง Brig ค่ารถแบบ Half Fare 21.50 CHF (737 บาท)Brig                   ข้ามไป Milan คนละ 36 CHF (1,235 บาท)  รวมๆ จาก Interlaken Ost. ไปถึง Milan ก็ 57.50 CHF (1,972 บาท) (ซึ่งเส้นนี้ ผมจองตั๋วมาจากเมืองไทยแล้ว)
ใครซื้อบัตร Half Fare ให้พกติดตัวตลอดการเดินทางสาธารณะนะครับ เพราะจะมีคนตรวจทุกขบวนที่ขึ้นเลย
รถไฟมาจอดนิ่งๆ ที่สถานี Gallarate (สถานีก่อน Milano) 1 ชั่วโมงครึ่ง และยังมีจอดแช่ๆ ระหว่างสถานีอีกด้วย
กำหนดการถึง Milan ประมาณ 11:35แต่มาถึง Milan จริง สายกว่ากำหนด เกือบ 2 ชั่วโมง พอถึงแล้ว ก็รีบฝากกระเป๋าไว้ ซึ่งในสถานีจะมีที่ฝาก ใบละ €6 (220 บาทต่อใบ) ทั้งหมด 4 ใบ

เสร็จเรียบร้อยซื้อ Sim ใหม่ 30 Gb €35 (sim2fly ของ Ais เอาเข้ามาใล้ในอิตาลี่ไม่ได้ ห่วยสุดๆ จริงๆมันจับสัญญาณของ Vodafone เจอ แต่มันใช้ไม่ได้เลยครับ)
พอซื้อ Sim เสร็จ ก็รีบเดินลง Subway (Metro) ซึ่งอยู่ด้านนอกสถานี Milano เดินออกมาแล้วลงชั้นใต้ดิน หาตู้ซื้อตั๋ว คนละ €3 (109 บาท) ต่อเที่ยว ต่อคน หาสาย M3 สีเหลือง ไป Duomo di Milano อยู่ห่างออกไป 4 สถานีเท่านั้น

 Duomo di Milano, Milan Italy 

Duomo คือ Cathedral หรือมหาวิหาร หรืออาสนวิหาร Duomo di Milano ก็เป็นมหาวิหารที่สำคัญของเมือง Milan ครับ โบสถ์สวยมากๆ ยิ่งใหญ่สุดๆครับ และข้างๆกัน ก็จะมี Galleria Vittorio Emanuele II ซึ่งเป็นแหล่ง Shopping ที่มีของ Brandname มากมายในนี้

 Maria 3536 

โรงแรมเล็กๆ ในรูปแบบของ B&B แต่มองอีกแง่ก็เหมือน Air bnb เพราะเจ้าของมารอรับที่สะพานข้าม คลอง ก่อนถึงที่พัก แต่ถ้าถามทางว่ามายังไง            ก็คงบอกได้ว่าข้ามคลองนั้น ทะลุคลองนี้  เพราะมันเหมือนๆ กันหมดเลย ทางที่ดีก็ตาม Google Map มาง่ายที่สุด จากสถานีมาประมาณ 750 เมตร                    แต่ต้องแบกกระเป๋าข้ามสะพาน รวมถึงตาม Google Map รวมๆ ก็เกือบครึ่งชั่วโมง ห้องพักของเจ้านี้จะมีอยู่แค่ 3 ห้องเท่านั้น ห้องจะอยู่ชั้น 2                                            ซึ่งบนชั้นเดียวกันก็มีธุรกิจอื่นๆด้วย ผมเลือก 2 ห้องที่อยู่ริมคลอง วิวจากในห้องสวยดีครับ

บรรยากาศ Venice ตอนกลางคืน

ขอพักความสนุกของตอนแรกเพียงเท่านี้ ไปติดตามกันต่อได้ใน ตอนที่ 2

ขอบคุณรีวิวสวยๆ จาก Guest สุดพิเศษจาก คุณ deaw_danai_sup สังกัด pantip จากกระทู้ “[CR] สวิส อิตาลี (Swiss – Italy) 10 วัน กินเอง เที่ยวเอง เต็มอิ่มตาม Route ยอดนิยม พร้อมราคาทุกอย่าง” ที่มามอบประสบการณ์จัดเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย !!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : http://www.facebook.com/LetsEatThailand และ www.LetsEatThailand.com


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?

1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ยุโรป ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel