Mushroom Travel

[สองพี่น้องตะลุยเที่ยว] 1 Day in Taipei 8 Days in Hokkaido ตอนที่ 1

ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ รีวิว เที่ยว hokkaido 8 วัน พร้อมด้วยทริปแวะเที่ยวเบาๆ ในไทเป จะเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ


สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาพาทุกท่านไป เที่ยว hokkaido บวกกับทริปสั้นๆ แบบเที่ยววันเดียวที่ไทเปค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นครั้งแรกในการเขียนรีวิวของเรา ถ้ามีความผิดพลาดประการใดหรือขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนเลยนะคะ

มาเริ่มกันเลยดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา อันนี้แผนเที่ยวคร่าวๆ สำหรับทั้ง 9 วันของเรานะคะ

ตั๋วเครื่องบิน
ทริปนี้เป็นทริปที่เราเดินทางไปกับพี่สาวสองคน โดยตั้งใจไป เที่ยว hokkaido แต่จากการสำรวจดูราคาตั๋วเครื่องบินแล้วเราตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินของสายการบิน China Airlines ซึ่งสายการบินฟูลเซอร์วิสจากไต้หวัน (เห็นว่าชื่อ “China” แต่ไม่ใช่ของจีนนะคะ!) โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเป ราคา 14,520 บาท (รวมทุกอย่างแล้ว)
ขาไป : BKK >> TPE เวลา 08:35 – 13:15
Transit 19 Hr. 25 min
TPE >> CTS เวลา 08:40 – 13:30
ขากลับ : CTS >> TPE เวลา 15:00 – 18:10
Transit 3 Hr. 55 min
TPE >> BKK เวลา 22:05 – 00:35 +1 Day

แต่อย่าพึ่งตกใจไปกับเวลา Transit ที่ยาวนานของขาไปนะคะ ที่เราเลือกไฟล์ทนี้ เพราะจะได้มีเวลาเที่ยวไต้หวันเยอะๆ โดยเราสามารถ Check through กระเป๋าจากกรุงเทพไปถึงซัปโปโรได้เลย ไม่จำเป็นต้องเอากระเป๋าออกที่ไต้หวันก่อน เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและกระเป๋าจะได้ไม่เป็นภาระในการเที่ยวไต้หวันด้วย (เพียงแค่แพ็คของที่จำเป็นสำหรับใช้ชีวิต 1 คืนในไต้หวัน)

ที่พัก
1. Taiwan: สนามบิน Taoyuan International Airport
2. Hakdate: Toyoko Inn Hokkaido Hakodate Ekimae Asaichi
3. Toya: The Lake view TOYA Nonokaze resort
4. Sapporo: UNIZO INN Sapporo

Sim มือถือ
1. SIM2Fly ของ AIS ใช้ได้ทั้งประเทศไต้หวัน และญี่ปุ่น ส่วนตัวเราว่าสัญญาณดีมาก ราคาอยู่ที่ 349 สำหรับซื้อซิมใหม่ ใช้งาน Internet ได้ 4 GB 8 วัน บอกเลยว่าพอเหลือ แนะนำเลยค่ะ
2. Sugoi Sim ราคา 599 บาท 4G Unlimited Speed ไม่ตก ใช้ได้เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น สัญญาณดีเช่นกัน

ตั๋วรถไฟ
เราเลือกซื้อ JR Hokkaido 4 Day Flexible เนื่องจากแผนการเดินทางของเราไม่ได้ใช้ JR ต่อเนื่องติดกัน

เริ่มออกเดินทางกันเลยค่ะ ^^

DAY 1

เริ่มออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ จะได้ Borading Pass 2 ใบ สำหรับ BKK > TPE และ TPE > CTS

หน้าตาอาหารบนเครื่อง

ถึงสนามบินเถาหยวน ประเทศไต้หวัน เวลาประมาณบ่ายกว่าๆ ดีเลย์นิดหน่อย ผ่านเข้าด่านตรวจคนเมืองตามปกติ ไม่ได้น่ากลัวอะไร แค่มี Passport กับใบ Immigration ที่กรอกเรียบร้อย ก็สามารถผ่านจุดตรวจได้สบายๆไม่ปัญหาค่ะ

จากสนามบินเถาหยวนเดินทางเข้าสู่เมืองไทเป เราเลือกใช้วิธีนั่งรถบัสยาวเลย ใช้ประมาณเวลา 1 ชั่วโมงก็ถึง Taipei Main Station และด้วยความหิว(มากกกก) มื้อแรกเราเลือกกิน Tim Ho Wan ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามกับ Main Station

เมื่อท้องอิ่มก็เริ่มเที่ยวเลย
วิธีเดินทางก็ใช้รถไฟใต้ดิน โดยใช้บัตร Easy Card (สำหรับคนที่อาจจะเดินทางมาไต้หวันอีก ถือว่าคุ้ม) หรือ 1 Day Pass ก็ได้นะคะ
แผนที่รถไฟใต้ดินในกรุงไทเป

Main Station เราเลือกไป อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก (Chiang Khai Shek Memorial hall) MRT สายสีน้ำเงิน สถานี CKS Memorial Hall Station ทางออก 5

สถานที่ต่อมาที่เราไป คือ เขาช้าง หรือเซี่ยงซัน (Xiangshan) ดูวิวไทเป 101 MRT Xiangshan Exit 2 ออกจากสถานีมาก็เดินตรงตามป้ายได้เลย หรือถ้าไม่ดูป้ายขอให้ตามฝูงชนไปเลยค่ะ  ระหว่างทางขึ้นจะเป็นบันไดยาวๆ เหนื่อยนิดหน่อย แต่หอบมากๆ ถ้าสุขภาพไม่พร้อมหรือมีผู้ใหญ่ไปด้วย อาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ค่ะ

และมาจบท้ายที่ Ximending ซีเหมินติง MRT สายสีน้ำเงิน สถานี Ximen แหล่งช้อปปิ้งสุดฮิต แหล่งรวมของกินสุดอร่อย (แนะนำว่าถ้าอยากได้อะไร เช่น รองเท้า ให้ซื้อจากไต้หวันไปเลยนะคะ เพราะส่วนใหญ่จะถูกกว่าฮอกไกโด)

หลังเสียพลังงานไปเยอะจากการเดินขึ้นเขาช้าง ก็ต้องมาเติมพลังให้เต็มกับบุฟเฟ่ต์ชาบูหม่าล่า ที่ร้าน “Mala Yuanyang Hotpot” แนะนำให้เดินไปจองคิวที่ร้านก่อนนะคะ แล้วค่อยกับมาเดินช็อปปิ้งต่อ เพราะ มิฉะนั้นอาจอดกิน หรือรอคิวนาน เราเข้าไปจองคิวตอน 20:30 ได้คิวตอน 22:30 ส่วนอีกสาขาเข้าไปตอนเกือบๆ 21:00 คิวเต็มยันเที่ยงคืนเลยจ้า

เมื่อกินเสร็จเราก็เดินทางกลับมา Taipei Main Station ทางออก M2 ไปยังจุดขึ้นบัสกลับไปยังสนามบิน นั่งบัส No.1819 : Taoyuan Airport ที่นอนสำหรับค่ำคืนนี้ แนะนำให้ถือ Boarding Pass กับ Passport เข้าไปนอนข้างใน Gate เลยนะคะ เพราะจะมีจุดให้เราอาบน้ำ และ Relax Zone เก้าอี้สำหรับนอนค่อนข้างสบายเลยค่ะ

DAY 2

ตื่นเช้ามาพร้อมกับวิวสนามบิน

พร้อมแล้วก็ออกเดินทางสู่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ Go! Go!

เมื่อถึงสนามบิน New Chitose ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้เวลาตะลุย เที่ยว hokkaido แล้วค่ะ โดยเราจะออกเดินทางไปเมือง Hakodate ที่ชั้นใต้ดินของโซน Domestic (ลงลิฟต์ไปชั้นล่างสุด B1F) จะเป็นสถานีรถไฟ JR New Chitose Airport station มีที่ให้เอา voucher ไปแลกตั๋ว Hokkaido Rail Pass ได้

โดยจะไปเปลี่ยน รถไฟที่ MINAMI-CHITOSE จากนั้นก็นั่งยาวเลยประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ระหว่างการเดินทางเราซื้อข้าวกล่องจากสถานี MINAMI-CHITOSE มาทาน มาญี่ปุ่น ปุ๊บก็เจอของอร่อยเลย (มีอยู่บูธเดียวแลเศร้าๆ เหงาๆ แต่อยากบอกว่าอร่อยเฟร่ออ)

ถึงสถานี Hakodate ก็หัวค่ำพอดี เดินเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม Toyoko Inn Hokkaido Hakodate Ekimae Asaichi ระยะเดินไม่เกิน 5 นาทีค่ะ ใกล้สถานีเลยทีเดียว

บรรยากาศภายในห้อง

จากนั้นก็ออกมาหาอะไรทาน เราเลือกร้านแฮมเบอร์เกอร์ลักกี้ปิเอโล่ อันโด่งดังสำหรับวันแรก

DAY 3

ตื่นเช้ามาวันนี้เราเริ่มเที่ยวจาก Hakodate Morning Market ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมเลยค่ะ

จากนั้นเราเลือกที่จะทานอาหารเช้าที่ร้านด้านในอาคาร Hakodate Morning Market ที่ข้างในมีร้านจำพวกอาหารทะเลเรียงรายกันจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว และร้านที่เราเลือก ไม่รู้ว่าชื่อร้านอ่านว่าอะไรเช่นกันค่ะ  555 แต่ดูตามป้ายในรูปนี้ได้เลย

โชคดีที่เราได้ที่นั่งติดหน้าต่างของคุณลุงพ่อครัวพอดี เลยได้ดูขั้นตอน กรรมวิธิในการทำตั้งแต่แล่ปลา จัดจาน วางเครื่องต่างๆ เพลินไปเลย
เมนูที่เราสั่งคือ ข้าวหน้าปลาดิบ 5 อย่าง และชุดปลาหมึกซาชิมิ นอกจากชุดที่เราสั่งแล้วทานร้านยังมีเครื่องเคียงที่ทำจากเมนูประจำฤดูกาลมาให้ทานอีกหลายอย่างจนทานไม่หมดเลยค่ะ (ขอบอกว่าคุณลุงเจ้าของร้านใจดีมากๆ มีการเรียกให้ดูตอนแล่ปลาหมึก โชว์ลีลาการใช้มีด อีกทั้งยังแถมให้ปลาทูน่ามาให้เราทานอีกอย่าง สงสัยเขาเห็นจดๆจ้องๆตอนลุงแกกำลังแล่ปลามาชิมอยู่เป็นแน่ 555)

ตอนนี้พร้อมเที่ยวต่อแล้วค่ะ
ก่อนไปขึ้นรถรางให้ไปซื้อตั๋วรถราง 1 Day Ticket ที่ Hakkodate Information ซึ่งตั้งอยู่ใน Hokkodate Station เพื่อใช้เดินทางไปรอบๆ เมืองตลอดวันนี้

อันนี้เป็นแผนที่สถานีรถราง

สถานที่แรกที่เราจะไปคือ ป้อม Goryokaku Fort / Goryokaku Tower นั่งรถรางสาย 2 หรือ 5 ลงป้าย Goryokaku-koen-mae แล้วเดินบนถนนสาย 571 ประมาณ 750 เมตร สังเกตง่ายๆ ไปตามที่คนเดินไปเยอะๆ เลยค่ะ

ส่วนตัวเราแนะนำให้ขึ้นไปดูบนหอคอยก่อน เพราะเราจะได้เห็นถึงบรรยากาศโดยรวม และทิศทางที่เราจะเดินภายใน ป้อม 5 แฉก แต่อย่างเราคือขึ้นไปเล็งต้นซากุระที่หลงเหลือ 555 พอถึงเวลาตรงดิ่งไปด้วยความแม่นยำเลยค่ะ

เมื่อเดินเล่นเสร็จก็เกือบเที่ยงๆพอดี เราเลือกรับประทานราเม็ง ร้าน Ajisai Ramen ซึ่งเป็นร้านชื่อดังของฮาโกดาเตะ ร้านจะตั้งอยู่บนตึกชั้น 2 ตรงข้ามป้อมพอดี ช่วงเที่ยงๆ คนจะค่อนข้างเยอะต่อแถวบนบันไดลงมาถึงชั้นล่างเลยค่ะ แต่รอคิวไม่นาน แป๊บๆ ก็ได้ทานแล้วโดยที่ระบบการสั่งเป็นแบบจิ้มตู้กดแล้วเข้าไปนั่งทานข้างในสบายๆ มีน้ำเปล่าเย็นๆ วางเป็นเป็นเหยือกเลย รู้ใจมากๆ อ่อ..อยากจะบอกว่าเกี๊ยวซ่าก็อร่อยเหมือนกันนะคะ ลองสั่งมาทานกันได้

ต่อจากนั้นนั่งรถรางกลับไปยังสถานี Suehiro-cho แล้วเดินต่อไปยัง Old Public Hall of Hakodate Ward หรือศาลาว่าการเก่านั่นเอง

เดินต่อมาเรื่อยๆ จะเจอเนินชมวิวฮาจิมันซากะ Hachiman-Zaka Slope ระหว่างทางมีร้านขาย Soft Cream เยอะมาก มีคนมาแจกคูปองให้เรื่อยๆ จนอดใจไม่ได้ที่จะอุดหนุนซักโคน (หรือหลายๆ โคนค่ะ 55)

ทางเดินจาก Old Public Hall of Hakodate Ward ถึง Mt. Hakodate Ropeway จะมีอาคารสวยๆ พวกโบสถ์ต่างๆ ให้แวะถ่ายรูปได้เรื่อยๆเลยค่ะ

เนื่องจากเราสองคนเริ่มเมื่อยแล้ว เราจึงไปขึ้นกระเช้าที่ Mt. Hakodate Ropeway เพื่อรอเวลาถ่ายรูปวิวอ่าวและเมืองฮาโกะดาเตะที่ได้ชื่อว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ กันเลย

วิวก่อนพระอาทิตย์ตก

วิวหลังพระอาทิตย์ตก

ถ้าอยากได้วิวสวยๆ ทำเลดีๆ อาจจะต้องขึ้นไปไวหน่อย ช่วงเย็นๆเผลอแป๊บเดียวคนแน่นเอี๊ยดเลยค่ะ

แต่ถ้าไม่ได้พีคอยากรอช่วงพระอาทิตย์ตก เราอยากแนะนำให้ไป Hakodate Bay ก่อนแล้วค่อยกลับมา Mt. Hakodate Ropeway เพื่อถ่ายรูปวิวยามค่ำคืนไปเลยค่ะ รอข้างบนนานๆ นี่ลมแรงมาก หนาวสั่น จมูกฟึดฟัดเลยทีเดียว

สำหรับเราอยู่รอถ่ายรูปที่ Mt. Hakodate Ropeway ตั้งแต่เย็นจนค่ำ กว่าจะเดินมาถึง Hakodate Bay ร้านส่วนใหญ่ก็ปิดหมดแล้ว แต่บริเวณรอบอ่าวก็ยังดูโรแมนติก และพวกตึกโกดังก็ยังดูชิคๆดี ไว้เต๊ะท่าถ่ายรูปแบบฮิปสเตอร์ได้ เหมือนประหนึ่งเอเชียทีคเลย 555
ปล. ร้านแฮมเบอร์เกอร์ลักกี้ปิเอโล่ ที่นี่ก็มีนะคะ ร้านใหญ่เลยทีเดียว มีที่นั่งสบาย กว้างขวางกว่าอีกสาขาพอสมควรเลย

DAY 4

ตื่นแต่เช้า วันนี้แพลนเราคือ ออกจาก Hakodate ไป Noboribetsu แล้วต่อไปยัง Toya ค่ะ

เมื่อเดินทางถึง Noboribetsu Station เรานำเอากระเป๋าไปเก็บใน Locker ของสถานี (ของเราฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ค่ะ ฟิตพอดี) แล้วไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปยัง Noboribetsu Onsen

วันนี้โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ฝนตกตลอดเลย เบาบ้างแรงบ้าง และบ่อแช่เท้าก็ปิด T T

เดินตามเส้นทางในแผนที่ ที่มีเป็นระยะๆ จนเดินทั่วทุกบ่อแล้ว เราก็ได้เวลากินค่ะ 55

มื้อนี้เราฝากท้องไว้ที่ Soba Dokoro Fukuan (Ebitendon set) ร้าน 福庵 ที่จะอยู่ระหว่างทางเดินกลับไปที่ป้ายรถ โซบะร้านนี้อร่อยมาก เส้นโซบะมีกลิ่นหอมมมม เค้าว่าเป็นกลิ่นของเมล็ดโซบะ ไม่เหมือนกับเวลากินที่ไทยเลย ปล.ข้าวก็อร่อยมากกกกก มีให้เลือกสั่งทั้งโซบะร้อนและเย็นนะคะ แล้วแต่ชอบเลย

ของเราสั่งโซบะร้อน กินในวันฝนตก ฟินมากค่ะบอกเลย

จากนั้นเราก็ได้อพยพตัวเองจาก Noboribetsu ไป Toya ที่ตั้งของที่พักเราในค่ำคืนนี้ ซึ่งเป็นที่พักที่ราคาแพงที่สุดในทริปนี้เพื่อออนเซ็นค่ะ (พิมพ์ไปน้ำตาไหลไป) จากสถานี Toya Station ไปยังโรงแรม The Lake view TOYA Nonokaze resort ให้นั่ง Taxi ไปเลย ราคาค่าโดยสารประมาณ 2,500 เยน

อยากบอกว่าโรงแรมใหญ่มากกกก คนเยอะเลยทีเดียว คนนั่งรอเช็คอินเต็มเลย แต่พนักงานบริการไวมาก แป๊บๆ เช็คอินเสร็จเรียบร้อย พุ่งตัวไปที่ห้องพร้อมกลิ้งได้เลยค่ะ

บรรยากาศภายในห้องพัก ห้องถือว่ากว้างเลยทีเดียว สะอาด วิวดี มีพวกครีมไว้ให้สำหรับทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายโดยเฉพาะเลย

เมื่อเก็บของเสร็จเราไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบ มีบ่อแช่เท้าสาธารณะด้วยนะคะเผื่อใครสนใจ พวกเราตัดสินใจไปนั่งเรือชมบรรยากาศบริเวณรอบทะสาบโทยะเป็นการฆ่าเวลาค่ะ เรือจะไปจอดให้เราเดินทางชมบรรยากาศบนเกาะสักประมาณ 20 นาที แล้วจะมีเรืออีกลำมารับ (เรือที่เป็นรูปปราสาทฟรุ้งฟริ้ง) จริงๆแล้วเราว่าบนเกาะไม่ค่อยมีอะไรมาก จอดปุ๊บทุกคนบนเรือมองหน้ากัน (เนี่ยอ่ะนะ 555)

วิวนี้สามารถมองเห็นได้จากห้องเราเลยค่ะ ภูเขาที่มองเห็น คือ ภูเขาไฟโยเท ซึ่งมีลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิ จึงเรียกว่า “ฟูจิน้อยแห่งฮอกไกโด”

กลับมาถึงที่พักก็ได้เวลาออนเซ็น ซึ่งจะอยู่ชั้นบนของโรงแรม ส่วนที่เป็นบ่อกลางแจ้งนี่สามารถแช่น้ำร้อนไปด้วย มองวิวภูเขาไปด้วยเลยค่ะ ฟินสุดๆ

ก่อนจะลงไปรับประทานอาหารค่ำที่เราซื้อเป็นแพคเกจมาพร้อมกับห้องพัก โดยอาหารค่ำที่นี้จะเป็นแบบบุฟเฟต์ ส่วนตัวเราคิดว่าหลากหลายพอสมควรเลยค่ะ มีปลาดิบ สเต๊กเนื้อ แกงกะหรี่ ของหวาน ฯลฯ มีส่วนที่ให้เรายื่นบัตรให้พ่อครัวทำปลาย่างมาเสิร์ฟที่โต๊ะอีกด้วยค่ะ

เนื่องจาก มาญี่ปุ่น ครั้งนี้ ช่วงที่เราไป เป็นเทศกาลฤดูร้อนที่มีการจุดพลุรอบๆ ทะเลสาบทุกวัน เวลา 20:45 น. เราสามารถเปิดประตูระเบียง ไปรับชมพลุที่จะจุดรอบๆทะเลสาบได้เลยคะ โดยเรือที่เป็นรูปปราสาทจะเปิดไฟสว่าง นำแนวพลุไปรอบๆ เรียกได้ว่าเห็นกันครบทุกโรงแรมกันเลยทีเดียว

และก็จบวันที่ 4 ของการ มาญี่ปุ่น เที่ยว hokkaido ในแบบของเรา กำลังฟินได้บรรยากาศเลยทีเดียว ติดตามชมรีวิวทริปเที่ยวญี่ปุ่น ที่ฮอกไกโดของเรากันต่อได้ที่ ตอนที่ 2 นะคะ

ขอบคุณรีวิวน่ารักๆจาก Guest สุดพิเศษ สมาชิกหมายเลข 3918873 สังกัด pantip จากกระทู้ “[CR] [สองพี่น้องตะลุยเที่ยว] 1 Day in Taipei 8 Days in Hokkaido” ที่มามอบประสบการณ์จัดเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย !!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?

1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id : @mushroomtravel

[สองพี่น้องตะลุยเที่ยว] 1 Day in Taipei 8 Days in Hokkaido ตอนที่ 1 was last modified: May 10th, 2019 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version