Ama Temple และ “วัด-โบสถ์” ใน ลิตเติ้ล ยุโรป “มาเก๊า”
ความเป็น “มาเก๊า” ที่พบเห็นเมื่อครั้งไปเยือนนั้น ถ้าไม่นับคาสิโน คิดว่าสิ่งที่สตรองที่สุดก็คือ สถาปัตยกรรม และอาหารฟิวชั่น ที่เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกนั่นเองหล่ะ สำหรับเราแล้ว สถาปัตยกรรมที่พบเห็นบ่อยๆในมาเก๊า ก็น่าจะเป็น วัด, โบสถ์ และบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์ เก็บรักษาไว้ได้เป็นอย่างดี สถาปัตยกรรมที่มาเก๊า เป็นสไตล์ผสมผสาน เพราะวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันมาอย่างยาวนาน ทั้ง โปรตุเกส, จีน, แมคคานีส ตลอดจนแบบอย่างจากอีกหลายๆประเทศในยุโรป ที่ดูรวมๆแล้ว ยังไงก็ต้องบอกว่า นี่มัน “ลิตเติ้ล ยุโรป” ชัดๆ ซึ่งภายใต้เมืองมาเก๊าที่ดูเหมือนซับซ้อนไปด้วยตรอก ซอกซอย และพื้นลาดชัน ทำให้การเดินตามหา วัด โบสถ์ สำหรับเรานั้นดูจะสนุกสนาน และตื่นเต้นเป็นพิเศษ บางที่ก็เจอง่าย บางที่ก็เจอยาก แต่นั่นหล่ะ คือเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงไหล และที่แรกที่เราจะพาไปเที่ยวชมกัน นั่นก็คือ…..
วัดอาม่า ( Ama Temple )
Ama Temple หรือวัดอาม่า คือวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊าค่ะ เก่าแก่ขนาดที่สร้างขึ้นก่อนที่จะเกิดเมืองมาเก๊าเสียอีก วัดอาม่าสร้างขึ้นจากความศรัทธาของคนเดินเรือที่ทำอาชีพประมงอยู่ละแวกนั้น
ตามตำนานเล่ากันว่า เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังเรียกเรือกลับเข้าฝั่ง แต่ไม่มีใครตกลงรับให้กลับไปด้วย ระหว่างที่ยืนรอเรือซึ่งมีลมพายุฝนกระหน่ำอยู่ด้วยนั้น มีเรือเก่าๆลำหนึ่ง ตกลงรับเด็กหญิงกลับไปด้วย ด้วยความที่มีลมและพายุโหมกระหน่ำ ระหว่างเดินเรือกลางทะเล ทำให้เรือแต่ละลำไม่สามารถต้านทานความรุนแรงจากธรรมชาติไหว ต่างพากันล่มไปหลายต่อหลายลำ เว้นแต่เรือเก่าๆที่เด็กหญิงโดยสารมาด้วยเท่านั้น ที่รอดปลอดภัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่น่าตื่นเต้นจนทำให้เราขนลุกไปกว่านั้นก็คือ เมื่อเด็กหญิงถึงฝั่งที่เป็นพื้นดินแล้ว เธอก็ได้เดินหายเข้าไปในบริเวณที่ตั้งของวัดอาม่าในปัจจุบัน ชาวประมงที่เดินเรือมาด้วยกัน จึงร่วมมือกันสร้างศาลเจ้าขึ้นมาเพื่อแสดงความขอบคุณ และพูดต่อๆกันว่า เด็กหญิงคนนั้น เป็นเทพ เทวดาที่ลงมาเพื่อปกป้อง รักษาชีวิตชาวประมง วัดอาม่าเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมจีนที่ผสมผสานทั้งพุทธศาสนา, ลัทธิขงจื้อ, เต๋า และความเชื่อพื้นบ้าน
ใครที่มาไหว้องค์อาม่าที่ Ama Temple แนะนำว่า ให้ลองเดินชมให้ทั่วๆนะ ที่วัดมีทั้งหมด 4 วิหารด้วยกัน องค์ใหญ่ด้านหน้า เป็นองค์จำลองที่ทำขึ้นมาเพื่อประดิษฐานให้กราบไหว้ ส่วนองค์จริง ที่เป็นออริจินอล เป็นองค์เล็กค่ะ ตั้งอยู่วิหารหลังเล็ก นอกจากจะมากราบไหว้องค์อาม่าแล้ว ยังมีกิจกรรมตามความเชื่ออื่นๆให้ได้ลองเสี่ยงโชคกัน เช่น การอธิษฐานที่อ่างน้ำ เป็นต้น
การเดินทาง : รถเมล์สาย 1, 2, 5, 6B, 7, 10, 10A, 11, 18, 21A, 26, 28B, 55, MT4, N3
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 18.00 น.
หมู่บ้านวัฒนธรรมเทพอาม่า (Ama Cultural Village)
หลังจากไปไหว้สักการะองค์อาม่าที่วัดที่เก่าแก่ที่สุดที่ Ama Temple กันไปแล้ว ก็รู้มาว่า มีการสร้างองค์อาม่าองค์ใหญ่ที่สุดในเอเชียอยู่มาเก๊าด้วย เราเลยขอมุ่งหน้าไปโคโลอาน เพื่อไปสักการะองค์อาม่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกัน
ที่นี่กว้างขวางมากค่ะ เนื้อที่ของหมู่บ้านกว้างถึง 7,000 ตร.ม. เราต้องนั่งรถบัส (จากตีนเขา ซึ่งจะมาทุกๆ 30 นาที) ขึ้นมาเพื่อขึ้นเขามาชมหมู่บ้านกัน จากนั้นก็เดินเท้าขึ้นมาเรื่อยๆผ่านหมู่บ้าน เป็นสถาปัตยกรรมจีนซึ่งใหญ่โตโอ่อ่าและสวยงามมากมาย แต่ด้วยความที่เราอยากมาเห็นองค์อาม่าองค์ใหญ่ เราก็เลยยังไม่แวะ แต่จะไปยังองค์อาม่า ที่สูงถึง 19.99 เมตรกันก่อนค่ะ
ถึงจะเหนื่อยกับการเดินเท้าขึ้นทางลาดชัน แต่พอเห็นองค์อาม่าแล้ว พูดเลยว่าคุ้มค่านะคะ สง่างาม ท่ามกลาง เบิร์ด อาย วิว เห็นเมืองมาเก๊าในมุมสูง อา…ถ่ายรูปกันเพลินค่ะ ส่วนใครที่เดินมาเหนื่อยๆก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่นั่ง เพราะบนนี้เค้ามีเก้าอี้ให้นั่งพักรับลมเย็นๆได้สบายค่ะ ขออย่างเดียว พกน้ำดื่มขึ้นมาเป็นใช้ได้ 😛
กราบไหว้ขอพร และเซลฟี่กับวิวสวยๆกันจนหนำใจแล้ว เราเดินกันลงมาเยี่ยมชมหมู่บ้านกันดีกว่า ดูยังกับหลุดเข้าไปอยู่ในหนังจีนสมัยโบราณเลยนะคะเนี่ย จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ประตูหน้าแบบศาลา, แท่นบูชาแกะสลักด้วยหินอ่อน, วังทิ้นเฮ่า (องค์อาม่าองค์ใหญ่), หอแต่งตัว (เพราะว่า อาม่าเป็นผู้หญิง ก็เลยต้องแต่งตัวก่อนเข้าเฝ้าเทพเจ้าบนสวรรค์), หอระฆัง เป็นต้น การเดินทาง : รถเมล์สาย 15, 21A, 25, 26, 26A, 50, N3
เวลาเปิด-ปิด : 08.00-18.00 น.
ต่อกันด้วย ถ้าคุณอยากเห็นวิถีชีวิตของคนครั้งก่อน ให้ไปดูที่ Mandarin House บ้านของผู้รากมากดี ที่ทำการค้าจนร่ำรวยในอดีต ที่นั่นคุณจะพบเห็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวมากๆ มองแล้วมองอีก ก็ไม่รู้สึกเบื่อ
ศูนย์ส่งเสริมศาสนาเจ้าแม่กวนอิม (Kun Iam Ecumenical Centre)
สวยสง่าอยู่กลางเมืองจริงๆนะคะ สำหรับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเลสาบ ที่สร้างขึ้นเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างโปรตุเกสกับจีน ความสูงขององค์เจ้าแม่กวนอิมสูงถึง 20 เมตร จุดเด่นก็คือ พระพักตร์เป็นพระแม่มารี ส่วนเครื่องทรงเป็นเจ้าแม่กวนอิม ความน่าสนใจของการออกแบบที่นี่นอกจากจะเป็นที่องค์เจ้าแม่กวนอิมแล้ว ภายใต้ฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม ยังจัดเป็นห้องนิทรรศการบอกเล่าความเป็นมาของการก่อสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งพูดเลยว่านำเสนอได้ละเอียดและละมุนสุดๆ
อ้อ…เรารู้มาว่า องค์เจ้าแม่กวนอิมที่สวยงามสง่านี้ เป็นการออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชาวโปรตุกีส ที่มีนามว่าคริสติน่า ส่วนงบในการสร้างให้ได้องค์สูงและสง่าขนาดนี้นั้นใช้ไปถึง 30 ล้านเหรียญ สำหรับใครที่อยากจะรู้ว่า รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆเป็นยังไง ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ www.macaumuseum.gov.mo การเดินทาง : รถเมล์สาย 10A, 17
เวลาเปิด-ปิด : 10.00-18.00 น. (ปิดวันศุกร์)
โบสถ์เซนต์ ลอเรนซ์ (St. Laurence Church)
ออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้นับถือคริสต์นะคะ (เพียงแต่เรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจิ๋วก็เท่านั้น) ไม่รู้เป็นอะไร พอมาโบสถ์ทีไร รู้สึกถึงความรักที่มีอยู่รอบตัวมันตลบอบอวลขึ้นมา อาจเป็นเพราะว่าความสวยงามของสถาปัตยกรรมมันทำให้รู้สึกโรแมนติก หรือว่าคำสอนทางศาสนาคริสต์ที่เน้นให้รักกัน เราเลยรู้สึกว่าชอบความรู้สึกเวลาเข้ามาในโบสถ์เป็นพิเศษ รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของจินตนาการยังไงยังงั้น…เอิ่ม…กลับมาๆ เข้าเรื่องโบสถ์เซนต์ ลอเรนซ์ ที่เราจะพามารู้จักกันได้แล้ว พูดเลยว่าที่นี่ติด 1 ใน 3 ของโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊าแล้ว เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่เข้ามาพร้อมๆกับการตั้งถิ่นฐานของชาวโปรตุเกสในยุคแรกๆ ส่วนคนที่ชอบสถาปัตยกรรมไม่ต้องพูดถึง เพราะจะเจอความฟินในศิลปะแบบนีโอคลาสิกที่ผสมผสานกับบาโรกเบาๆอย่างแน่นอน
การเดินทาง : รถเมล์สาย 9, 16, 18, 28B
เวลาเปิด-ปิด : 07.00-21.00 น.
โบสถ์เซนต์โจเซฟ (St. Joseph’s Church)
ถ้าคุณคิดว่า เซนต์ ลอเรนซ์ใหญ่แล้ว เซนต์โจเซฟ ใหญ่กว่าอีกค่า เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นโบสถ์สำคัญเนื่องจากได้ชิ้นส่วนกระดูกท่อนแขนของ เซนต์ ฟรังซิสมาเก็บไว้เพื่อบูชาแล้ว ยังเป็นโรงเรียนสอนศาสนาเก่าแก่สำหรับเอเชียอีกด้วย เนื่องจากว่ามาเก๊าเป็นเอเชียเมืองแรกที่ตะวันตกได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนา ดังนั้นจึงได้รับความสำคัญมากนั่นเอง สำหรับสถาปัตยกรรมของโบสถ์แห่งนี้นั้น ได้รับการระบุไว้ในสิ่งพิมพ์ของยูเนสโก้ในปี ค.ศ.2001 ว่าเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมบาโรกในจีน ดูสิคะ สวย สง่า เท่ห์ซะไม่มี
การเดินทาง : รถเมล์สาย 9, 16, 18, 28B
เวลาเปิด-ปิด : 09.00-18.00 น. (โรงเรียนสอนศาสนาไม่เปิดให้เข้าเยี่ยมชม)
ซากประตูโบสถ์ เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s)
เรียกได้ว่าเป็น “แลนด์มาร์ก” ของ “มาเก๊า” เลยก็ว่าได้ แต่เดิมที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่สอนศาสนา ที่เรียกได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแบบตะวันตกแห่งแรกในเอเชีย ต่อมาโดนไฟไหม้ไปทั้งหมด 3 ครั้ง อาคารต่างๆจึงถูกทำลายไปจนเหลือแค่ซากหน้าประตูดังที่เห็นในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังหลงเหลือสถาปัตยกรรมสวยๆให้เราได้ชื่นชมกัน ลองมองดูดีๆ เพราะแต่ละชั้นของซากประตูที่หลงเหลือนั้น มีสัญลักษณ์และความหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ที่น่าสนใจอยู่มากมาย เช่น สัญลักษณ์ พระจันทร์, พระอาทิตย์ และนกนางนวล นอกจากนั้นชั้นต่างๆที่เรามองเห็นทั้งหมด 5 ชั้นก็ยังมีความหมายถึง ผู้เกี่ยวข้องทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็น พระเยซู พระแม่มารี หรือบรรดาเซนต์ต่างๆที่มีความสำคัญอีกด้วย
การเดินทาง : รถเมล์สาย 3, 3X, 4, 6A, 8A, 18A, 19, 26A, 33, N1A
พูดเลยว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ของวัด-โบสถ์ที่เราพาไปเที่ยวชมกัน สำหรับคนที่สนใจเที่ยวแบบเรียนรู้ ก็ฝาก “วัด-โบสถ์ มาเก๊า” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มาเที่ยวที่นี่เดินทางไม่ลำบาก สามารถนั่งรถเมล์ แท็กซี่ หรือรถบัสของโรงแรม แล้วเดินเที่ยวได้ ส่วนใครที่อยากรู้จักกับวัด-โบสถ์มากกว่านี้ เข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่ได้เลยจ้า www.th.macaotourism.gov.mo
Special Thanks: การท่องเที่ยวมาเก๊าประจำประเทศไทย