สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว มีความเจริญในหลาย ๆ ด้าน มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งสุดชิคมากมาย แต่หลายคนที่มา ทัวร์สิงคโปร์ อาจจะยังไม่ทราบว่าที่นี่มีวัดศักดิ์สิทธิ์ให้สายมูได้ไปเสริมดวง เพิ่มความปังอีกเพียบ วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล เลยจะพาไปทำความรู้จักกับ 10 วัดสิงคโปร์ กัน งานนี้บอกเลยว่าขอพรได้ครบทุกเรื่องอย่างแน่นอน เพราะแต่ละวัดก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป วัดไหนเด่นเรื่องอะไร ควรขอพรเรื่องไหน ไปชมกันเลย!
ขอพร เสริมดวง
1. วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple)
เริ่มที่วัดไฮไลต์อย่าง วัดพระเขี้ยวแก้ว วัดสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางย่าน China Town ของสิงคโปร์ ตัววัดออกแบบและวางแนวคิดโดย พระอาจารย์ Shi Fa Zhao เจ้าอาวาสของวัด เป็นการผสมผสานศิลปกรรมสมัยราชวงศ์ถัง ศิลปะแบบพุทธมันดาลา และศิลปกรรมจีนเข้าไว้ด้วยกัน ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 9 ชั้น แต่เปิดให้เข้าชมเพียงบางชั้นเท่านั้น วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระทันตธาตุ หรือพระทนต์ (ฟัน) ของพระพุทธเจ้าซึ่งได้รับมาจากที่ฝังพระศพในเมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย โดยประดิษฐานอยู่ภายในสถูปเจดีย์น้ำหนัก 3,500 กิโลกรัม ทำจากทองแท้หนัก 320 กิโลกรัม ซึ่งทองคำจำนวน 234 กิโลกรัมได้รับการบริจาคโดยผู้มีจิตศรัทธา ผู้คนนิยมมาสักการะขอพร เพราะเชื่อว่าจะโชคดีและเป็นสิริมงคลกับชีวิต นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด ร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งสวนหย่อมเล็ก ๆ บนชั้นดาดฟ้าที่สามารถขึ้นไปรับลม ชมวิว นั่งชิลได้อีกด้วย
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Chinatown ทางออก A และเดินต่อไปยังถนน South Bridge
2. วัดซวงหลิน (Lian Shan Shuang Lin Monastery)
ถัดมากับ วัดซวงหลิน วัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ ตัวอาคารมีต้นแบบมาจากวัด Xi Chang Shi temple ในมลฑล Fuzhou ประเทศจีน ภายในวัดมีพื้นที่ขนาดใหญ่ บรรยากาศมีความเงียบสงบเหมาะแก่การมานั่งสมาธิปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะแกะสลักที่สวยงาม เจดีย์ และเจ้าแม่กวนอิมพันกรให้ได้สักการะบูชา คนส่วนมากมักมาขอพรเรื่อง โชคลาภ การงาน แต่ที่ชื่อเสียงในโลกโซเชียลมากก็คือ เครื่องรางของทางวัด เพราะมีให้บูชากว่า 20 ชนิด ช่วยเสริมพลังในด้านต่าง ๆ ใครที่จะไป ทัวร์สิงค์โปร์ และอยากบูชาเครื่องรางเสริมความปังก็ต้องที่นี่เลย
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี ToaPayohStation (NS19) Exit C จากนั้นต่อรถเมล์สาย 57, 238, 535 ลงที่ป้าย Lor 6 Toa payoh และเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตร หรือต่อแท็กซี่ก็ได้ วัดสิงคโปร์
3. วัดเจ้าแม่กวนอิมท้งฮุดโจ้ว (kwan im thong hood cho temple)
มาต่อกันที่อีกหนึ่ง วัดสิงคโปร์ ที่คนนิยมมาสักการะขอพรอย่าง วัดเจ้าแม่กวนอิมท้งฮุดโจ้ว วัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ในย่านบูกิส เป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรทั้งเรื่องการงาน การเรียน สุขภาพ อายุยืนยาว แต่ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ เซียมซี ว่ากันว่าเซียมซีของที่นี่แม่นมาก นอกจากนี้ภายในวัดยังมีการนำสถาปัตยกรรมแบบจีน และคำจารึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาจัดแสดงให้ได้ชม
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Bugis หรือสายสีน้ำเงิน (DT14) ทางออก C
สุขภาพ
4. วัดศรีมาริอัมมันต์ (Sri Mariamman Temple)
วัดศรีมาริอัมมันต์ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดแขกสิงคโปร์ เป็นวัดฮินดูอันเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่าน ไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ ใกล้วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1827 โดยชาวอินเดียที่อพยพมาจากเขตนาคาปัทนัม (Nagapatnam) และเขตคุดดาลอร์ (Cuddalore) เพื่อถวายเจ้าแม่มาริอัมมันต์ ซึ่งเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องการรักษาอาการเจ็บป่วย และโรคภัยต่าง ๆ ตัววัดตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม สีสันสะดุดตา มีโกปุรัมตั้งสูงสง่า ประดับประดาไปด้วยรูปปั้นของเหล่าทวยเทพ และสัตว์ในตำนานมากมาย ทั้งยังเป็นสถานที่พบปะ ทำกิจกรรม และเป็นสำนักทะเบียนเพื่อจดทะเบียนสำหรับชาวฮินดูในยุคอาณานาคมอีกด้วย เนื่องจากในสมัยนั้นมีเพียงวัดฮินดูเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำพิธีสมรสให้แก่ชาวฮินดู ใครจะไป ไหว้พระสิงคโปร์ เพื่อขอพรเรื่องสุขภาพไม่ควรพลาด
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Chinatown (NE4) ทางออก Exit A จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร
โชคลาภ
5. วัดโลยังทัวเป็กกอง (Loyang Tua Pek Kong Temple)
ไปเช็กอิน วัดสิงคโปร์ ที่ช่วยเสริมโชคลาภกันบ้าง กับ วัดโลยังทัวเป็กกอง อีกหนึ่งวัดพุทธที่เปิดให้สวดมนต์ตลอด 24 ชั่วโมง วัดแห่งนี้ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1980 แต่มีการสร้างวัดขึ้นใหม่โดยการระดมทุนของชาวบ้าน และตั้งชื่อตามองค์เทพเจ้าทัวเป็กกองในปี ค.ศ. 2000 เป็นวัดที่มีเทพเจ้าฮินดูบูชาควบคู่ไปกับเทพเจ้าจีน มีเทพเจ้าหลักคือ ทู้ป๋อง และมีเทพฮินดูบางองค์ให้ได้สักการะ เช่น พระพิฆเนศ หลังจากสักการะขอพรด้านในวัดครบทุกจุดแล้ว อย่าลืมมาจุดธูปขดแล้วนำไปแขวนบริเวณลานวัด เพราะเชื่อว่าคำอธิษฐานจะส่งไปถึงเทพเจ้าบนสวรรค์
การเดินทาง : รถเมล์สาย 109, 19, 5, 518, 59, 9
6. วัดซัมบาวัง (Sembawang God of Wealth Temple)
ใครมา ทัวร์สิงคโปร์ และอยากมาขอพรเรื่องโชคลาภต้องมาที่ วัดซัมบาวัง วัดจีนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2004 ภายในวัดมีเทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือในภาษาจีนเรียกว่า “ไฉ่ ซิง เอี้ย” เป็นเทพเจ้าที่ชาวสิงคโปร์ให้ความเคารพบูชามากที่สุดองค์หนึ่ง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งตระหง่านอยู่บนหลังคา ตัวองค์เทพเป็นสีทอง ความสูง 9.44 เมตร หนัก 8 ตัน เหล่าคนทำงาน นักธุรกิจ นิยมมาขอพรให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ค้าขายคล่องตัว กำไรดี ถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่สายมูไม่ควรพลาด
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Sembawang ทางออก C
7. วัดตันสิชงซู (Tan Si Chong Su Temple)
ถัดมากับอีกหนึ่ง วัดสิงคโปร์ ที่คนนิยมมาขอพรเรื่องโชคลาภอย่าง วัดตันสิชงซู วัดฮกเกี้ยนโบราณที่สร้างขึ้นช่วงปี ค.ศ. 1876-1878 โดยชาวจีนตระกูลตัน เพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษ ชื่อ “ตันสิชงซู” ชาวสิงคโปร์ที่ใช้แซ่ตันจึงมักเดินทางมากราบไหว้ที่วัดแห่งนี้เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษ ถือเป็นวัดที่สร้างถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้านในเป็นที่ประดิษฐานขอเทพเจ้าหลายองค์ ภายในวัดมีการตกแต่งอย่างสวยงาม ภายใต้สถาปัตยกรรมแบบภาคใต้ของจีน บริเวณรอบ ๆ วัดมีการประดับประดาด้วยรูปปั้นสัตว์มงคลต่าง ๆ และมีไฮไลต์คือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ นักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรเรื่องโชคลาภ และความรุ่งเรืองกันที่บ่อน้ำแห่งนี้
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Clarke Quay ทางออก B จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร, รถเมล์สาย 2 2A 12 12e 33 51 61 63 80 174 174e 197 ลงป้าย Opp Hong Lim Park
ความรัก
8. วัดเยี่ยไห่ชิง (Yueh Hai Ching Temple)
ไป ไหว้พระสิงคโปร์ กันต่อที่ วัดเยี่ยไห่ชิง วัดลัทธิเต๋าที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนถนน Phillip Street ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ วัดนี้สร้างขึ้นโดยชาวแต้จิ๋วที่มาจากกวางโจว ในช่วงปี ค.ศ. 1850-1855 และได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1895 แม้ตัววัดจะมีการบูรณะแล้ว แต่ก็ยังคงสถาปัตยกรรมและศิลปะที่สวยงามตามแบบจีนโบราณเอาไว้ วัดนี้ขึ้นชื่อในการมาขอพรเรื่องความรักจนได้รับการขนานนามว่า “The Love Temple” วิธีการไหว้คือต้องนำด้ายสีแดงไปคล้องไว้ที่องค์เทพเจ้า “Elder of Moon” หรือก็คือ เทพเย่ว์เหล่า นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เช่น เทพเกี่ยวกับการขอบุตร และเทพเกี่ยวกับการขอเรื่องความสำเร็จด้านการศึกษา ให้ได้สักการะขอพรกันอีกด้วย เป็นอีกหนึ่ง วัดสิงคโปร์ ที่คนโสดต้องมา
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Raffles Place ทางออก D จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 350 เมตร
9. วัดเทียนฮกเก๋ง (Thian Hock Keng Temple)
ต่อกันด้วย วัดเทียนฮกเก๋ง อีกหนึ่งวัดจีนเก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1821 เพื่อสักการะองค์หม่าโจ่ว (Mazu) หรือ เจ้าแม่ทับทิม ผู้เป็นเทพธิดาแห่งท้องทะเล เล่ากันว่าชาวจีนที่อพยพมายังสิงคโปร์เคยทำพิธีไหว้เพื่อขอบคุณเทพเจ้าที่ปกป้องคุ้มครองจนสามารถเดินเรือมาที่เกาะสิงคโปร์ได้อย่างปลอดภัย ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่อความวิจิตรงดงามของวัด เพราะมีการตกแต่งด้วยวัสดุและชิ้นงานจากหลากหลายประเทศ เช่น กระเบื้องจากยุโรป เสาหินแกรนิตแกะสลักลายมังกรจากจีน แผ่นป้ายจากราชวงศ์ชิง ประติมากรรมรูปปั้นมังกรตั้งอยู่บนหลังคา รวมทั้งมีการสร้างวิหารโดยไม่ใช้ตะปูตอกแม้แต่ตัวเดียว ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรเรื่องความรัก เนื้อคู่ และการขอบุตร นอกจากนี้บริเวณกำแพงวัดด้านนอกยังมี Street Art อีกด้วย ใครมา ไหว้พระสิงคโปร์ และอยากได้ถ่ายรูปเก๋ ๆ ไปลงโซเชียลไม่ควรพลาดวัดนี้เลย
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Telok Ayer ทางออก A จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 160 เมตร
10. วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kuan Im Tng Temple, Joo Chiat)
ปิดท้ายการ ทัวร์สิงคโปร์ ฉบับสายมูด้วย วัดเจ้าแม่กวนอิม หนึ่งในศาสนสถานบูชาเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าแห่งความเมตตา มีความพิเศษคือเป็นวัดที่หลอมรวมพุทธศาสนา ลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื๊อ เข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม ภายในมีรูปปั้นหล่อของพระจุนทีโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นปางหนึ่งของเจ้าแม่กวนอิม ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรเรื่องความรัก นอกจากเรื่องความศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีภาพวาดแกะสลักแบบจีน และประติมากรรมที่สวยงามตระการตาให้ได้เยี่ยมชม
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Paya Lebar ทางออก A
ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าไปเที่ยวมาก ๆ สำหรับสิงคโปร์ เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ไกลเมืองไทยแล้ว ยังมีทั้งที่กิน ที่เที่ยว และวัดสำหรับสายมูให้ได้ไปเสริมความปังอีกเพียบ แต่ละวัดที่พี่เห็ดรวบรวมมาบอกเลยว่าครอบคลุมทุกเรื่องทั้งการเสริมดวง แก้ชง สุขภาพ โชคลาภ ความรัก ใครอยากขอพรเรื่องอะไรก็พุ่งตรงไปที่วัดนั้นได้เลยยย