หนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป เที่ยวญี่ปุ่น คือ การไปเที่ยวสวนสนุก เพราะนอกจากจะมีสวนสนุกชื่อดังระดับโลกแล้ว ตามเมืองต่างๆ ก็ยังมีสวนสนุกของญี่ปุ่นอีกหลายแห่ง บอกเลยว่าแต่ละที่มีความพิเศษชวนให้ตื่นตาตื่นใจ จะมากับแก๊งเพื่อน หรือพาเด็กๆ มาเที่ยวเล่น ก็สนุกกันได้ทั้งครอบครัว ว่าแล้วก็ มาอัปเดตกันหน่อยดีกว่า สวนสนุก ญี่ปุ่น มีที่ไหนบ้าง พี่เห็ด มัชรูมทราเวล รวบรวมมาให้แล้ว 8 พิกัด เตรียมปักหมุดกันได้เลย !!
1. โตเกียวดิสนีย์แลนด์ – ชิบะ
เริ่มกันด้วย สวนสนุก ญี่ปุ่น ที่เป็นแลนด์มาร์กสุดฮิตอย่าง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) เป็นสวนสนุกของดิสนีย์แห่งแรกในทวีปเอเชีย ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 เหล่าสาวกดิสนีย์จะได้พบ ปราสาทซินเดอเรลล่า อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยคาแรกเตอร์ชื่อดัง ทั้งมิกกี้เม้าส์, บัซ ไลท์เยียร์, ปีเตอร์แพน, ซินเดอเรลล่า และอีกมากมาย ภายในแบ่งเป็น 7 โซนในธีมที่แตกต่างกัน แต่ละโซนสวยงามอลังการมาก นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ตระการตา ที่จะมามอบความสนุกทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนเลย
เวลาเปิด-ปิด : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการของสวนสนุก
ค่าเข้าชม : บัตร one day pass ผู้ใหญ่ 7,900 – 10,900 เยน / เด็กโต (อายุ 12 – 17 ปี) 6,600 – 9,000 เยน / เด็กเล็ก (อายุ 4 – 11) 4,700 – 5,600 เยน (ราคาในแต่ละวันแตกต่างกัน โปรดตรวจสอบในเว็บไซต์ทางการของสวนสนุกอีกครั้ง)
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Keiyo Line หรือ JR Musashino Line มาลงที่สถานี Maihama
เว็บไซต์ : https://www.tokyodisneyresort.jp/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/FGkbsJnXaxKCZAPh7
2. โตเกียวดิสนีย์ซี – ชิบะ
ถัดมาในพื้นที่ข้างกัน ยังมี โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) อีกหนึ่งสวนสนุกของดิสนีย์ในธีมผจญภัยทางทะเล และมีแห่งเดียวในโลก ใครมา เที่ยวญี่ปุ่น จะเข้าทั้งดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซีเลยก็ได้ แต่จะใช้บัตรเข้าสวนสนุกแยกกัน และแนะนำให้เข้าคนละวัน เพราะพื้นที่กว้างมากจนเดินแทบไม่หมด ภายในมีทั้งหมด 8 โซน แต่ละโซนมาในธีมสำรวจท้องทะเล เช่น โซน Mermaid Lagoon ที่มีเครื่องเล่นธีมแอเรียล และโซน American Waterfront ที่มีเครื่องเล่น Nemo & Friends SeaRider แลนด์มาร์กใจกลางสวนสนุกเป็นภูเขาไฟ มีเครื่องเล่นมากมาย ส่วนใหญ่จะแนวผจญภัย แต่ก็เครื่องเล่นเบาๆ สำหรับเด็กเช่นกัน พร้อมด้วยโซนใหม่อย่าง Fantasy Springs ที่ประกอบไปด้วยธีมภาพยนตร์ดิสนีย์ 3 แห่งจากเรื่อง Frozen, Tangled และ Peter Pan นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรดบนเรือให้ชมด้วย
เวลาเปิด-ปิด : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการของสวนสนุก
ค่าเข้าชม : บัตร one day pass ผู้ใหญ่ 7,900 – 10,900 เยน / เด็กโต (อายุ 12 – 17 ปี) 6,600 – 9,000 เยน / เด็กเล็ก (อายุ 4 – 11) 4,700 – 5,600 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Keiyo Line หรือ JR Musashino Line มาลงที่สถานี Maihama จากนั้นมาขึ้นรถไฟสาย Disney Resort ไปลงสถานี Tokyo DisneySea
เว็บไซต์ : https://www.tokyodisneyresort.jp/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/Pe1bTF7mui6h6kUe7
3. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน – โอซาก้า
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) เป็นหนึ่งใน สวนสนุก ญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ที่เมืองโอซาก้า เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2001 แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ 10 โซน แต่ละโซนจำลองบรรยากาศของภาพยนตร์ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น จูราสสิคพาร์ค, มินเนียนพาร์ค แต่โซนที่ฮอตฮิตที่สุดก็คือ Super Nintendo World พบกับเครื่องเล่นจากเกมค่ายดัง ที่มีตัวเอกอย่าง มาริโอ้ และ The Wizarding World Harry Potter ที่จะพาทุกคนไปท่องโลกเวทย์มนตร์ พบกับฮอกวอตส์สุดอลังการ บรรยากาศภายในโซนนี้เหมือนหลุดเข้าไปในฮอกวอตส์จริงๆ เลย
เวลาเปิด-ปิด : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการของสวนสนุก
ค่าเข้าชม : บัตร one day pass ผู้ใหญ่ 8,600 เยน / เด็ก (อายุ 4 – 11 ปี) 5,600 เยน / ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 7,700 เยน (ราคาในแต่ละวันแตกต่างกัน โปรดตรวจสอบในเว็บไซต์ทางการของสวนสนุกอีกครั้ง)
การเดินทาง : นั่ง JR Yumesaki Line มาลงที่สถานี Universal City จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : https://www.usj.co.jp/web/en/us
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/oR57g36zkf5ihBAP9
4. เลโก้แลนด์ เจแปน – ไอจิ
ถัดมาที่ เลโก้แลนด์ เจแปน (Legoland Japan Resort) เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ สวนสนุก ญี่ปุ่น ที่จะพาทุกคนเข้าไปในโลกของตัวต่อเลโก้ แบ่งออกเป็น 8 โซน มีเครื่องเล่นมากกว่า 40 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก จึงไม่ได้หวาดเสียวมาก โดยเครื่องเล่นจะมาในธีมเลโก้ทั้งหมด ซึ่งโซนที่ห้ามพลาดเลยคือโซน Miniland ที่จำลองเมืองและสถานที่สำคัญๆ ของญี่ปุ่นด้วยตัวต่อเลโก้ อลังการจนไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างจากตัวต่อ ภายในสวนสนุกเต็มไปด้วยเลโก้มากกว่า 17 ล้านตัว นอกจากนี้ยังมีร้านเลโก้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียให้ได้ช้อปกลับบ้านกันอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : บัตร one day pass ผู้ใหญ่ 4,500 เยน / เด็ก (อายุ 3 – 18 ปี) 3,300 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Aonami จากสถานี Nagoya มาลงสถานี Kinjo Futo จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : https://www.legoland.jp/en/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/c3us3efsRFemNNoQ6
5. ฟูจิคิวไฮแลนด์ – ยามานาชิ
ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) ตั้งอยู่เชิงภูเขาไฟฟูจิ ในจังหวัดยามานาชิ เป็นสวนสนุกที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเล่นที่หวาดเสียวถึงขั้นทำลายสถิติโลก เช่น Fujiyama ราชาแห่งรถไฟเหาะที่มีความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม., Takabisha รถไฟเหาะที่ชันที่สุดในโลกมากถึง 121 องศา, Eejanaika รถไฟเหาะที่มีการหมุนกลับหัวมากที่สุด และ Jikyu General Hospital บ้านผีสิงธีมโรงพยาบาลสุดสยอง ซึ่งที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่เครื่องเล่นหวาดเสียวเท่านั้น แต่ยังมี โซนเครื่องเล่นเบาๆ สำหรับเด็กๆ และเครื่องเล่นธีมอนิเมะต่างๆ รวมทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านค้า และมุมถ่ายรูปที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว
เวลาเปิด-ปิด : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการของสวนสนุก
ค่าเข้าชม :
บัตร one day pass
– ผู้ใหญ่ 6,000 – 7,800 เยน
– เด็กอายุ 12 – 17 ปี 5,500 – 7,300 เยน
– เด็กอายุ 6 – 11 ปี 4,400 – 5,000 เยน
– เด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป และผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 2,100 – 2,500 เยน
Afternoon Pass (เข้าหลัง 13.00 น.)
– ผู้ใหญ่ 4,100 – 5,900 เยน
– เด็กอายุ 12 – 17 ปี 3,800 – 5,600 เยน
– เด็กอายุ 6 – 11 ปี 3,500 – 4,100 เยน
– เด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป และผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 1,700 – 2,000 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Chuo มาที่สถานี Otsuki จากนั้นเปลี่ยนสายเป็นสาย Fuji Kyuko มาลงสถานี Fujikyu Highland
เว็บไซต์ : https://www.fujiq.jp/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/NvgN1bk6YFfWasEJ6
6. เฮาส์เทนบอช – นางาซากิ
เฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู ที่จำลองบรรยากาศของพระราชวังเฮาส์เทนบอช และยุโรปในยุคกลาง มาให้สัมผัสแบบไม่ต้องบินไกล มีการออกแบบให้เป็นเมืองเล็กๆ คล้ายอาณาจักรที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงมากมาย ทั้งสวนสนุก ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ มีการแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ 6 โซน แต่ไฮไลต์เด็ดคือ ม้าหมุนขนาดสามชั้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบรรดาเครื่องเล่น VR-WORLD ที่เพิ่มความสมจริง ไม่ว่าจะท่องไปในอวกาศ หรือผจญภัยในดินแดนไดโนเสาร์ นอกจากนี้ยังมีอาณาจักรเท็ดดี้แบร์, บ้านช็อกโกแลต, เมืองแห่งดอกไม้และแสงไฟ และการจัดแสดงไฟสุดอลังการยามค่ำคืน รวมถึงการแสดงพลุสุดอลังการด้วย เที่ยวในนี้ได้ทั้งวัน เพลินมาก
เวลาเปิด-ปิด : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการของสวนสนุก
ค่าเข้าชม :
บัตร one day pass
– ผู้ใหญ่ 7,400 เยน
– เด็กอายุ 12 -17 ปี 6,400 เยน
– เด็กอายุ 7 -11 ปี 4,800 เยน
– เด็กอายุ 4 – 6 ปี 3,700 เยน
– ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 5,400 เยน
After 3 Passport (เข้าหลัง 15.00 น.)
– ผู้ใหญ่ 5,600 เยน
– เด็กอายุ 12 -17 ปี 4,800 เยน
– เด็กอายุ 7 -11 ปี 3,600 เยน
– เด็กอายุ 4 – 6 ปี 2,800 เยน
– ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 4,200 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Nagasaki มาลงสถานี Huis Ten Bosch จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที
เว็บไซต์ : https://thailand.huistenbosch.co.jp/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/swGSZRRKozp3aVPx5
7. ซานริโอ พูโรแลนด์ – โตเกียว
ส่วนใครที่เป็นสาวกซานริโอ้ มา เที่ยวญี่ปุ่น ต้องมาที่ ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland) ที่จะได้พบกับคาแรคเตอร์น่ารักๆ ของซานริโอ้ ข้อดีของที่นี่ก็คือเป็นสวนสนุกในร่ม เพราะฉะนั้นไม่ว่าฤดูไหน จะฝนตก แดดออก หรือหิมะตกก็ไม่ต้องกังวล ภายในสวนสนุกมีการตกแต่งเป็นแนวป่าในเทพนิยาย เข้ามาแล้วเหมือนมีบรรยากาศน่ารักๆ รายล้อมอยู่รอบตัว มีจุดถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ได้เจอเหล่าตัวการ์ตูนชื่อดังครบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น Hello Kitty, My Melody, Kuromi, Cinnamoroll, Gudetama ฯลฯ เครื่องเล่นส่วนใหญ่เป็นแนวน่ารักๆ ไม่โลดโผน เด็กเล่นได้ นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรด และโชว์ต่างๆ อีกมากมายให้ชม
เวลาเปิด-ปิด : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการของสวนสนุก
ค่าเข้าชม :
บัตร one day pass
– ผู้ใหญ่ 3,900 – 5,900 เยน
– เด็ก (อายุ 3-17 ปี) และผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 2,800 – 4,800 เยน
Afternoon Passport (เข้าหลัง 14.00 น.)
– ผู้ใหญ่ 2,500 – 3,800 เยน
– เด็ก (อายุ 3-17 ปี) และผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 2,200 – 3,500 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Keio จากสถานี Shinjuku มาลงที่สถานี Tama Center จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : https://en.puroland.jp/language/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/PZaBqAAExFxvR6Ja9
8. นางาชิมะ สปาแลนด์ – มิเอะ
เห็นชื่อ นางาชิมะ สปาแลนด์ (Nagashima Spa Land) แล้วหลายคนอาจจะนึกว่าเป็นสปาหรือบ่อน้ำพุร้อน แต่จริงๆ ที่นี่เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ ที่มีเครื่องเล่นกว่า 60 ชนิด จะเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ก็สนุกกันได้ทุกวัย มีรถไฟเหาะหลายรูปแบบมาก ถือเป็นสวนสนุกที่มีรถไฟเหาะจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่นเลย มีทั้งแบบตีลังกากลับหัว หมุน 4 มิติ เช่น Hybrid coaster Hakugei ซึ่งเป็นที่โครงทำมาจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและใหญ่ จุดสูงสุดอยู่ที่ 55 เมตร หรือจะเป็น Steel Dragon 2000 รถไฟเหาะที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวถึง 2,479 เมตร แต่เครื่องเล่นแบบเบาๆ ของเด็กก็มีเช่นกัน แถมในช่วงฤดูร้อนยังสามารถไปแช่น้ำที่สระน้ำทะเลขนาดใหญ่ได้อีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : เวลาเปิดปิดมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันในแต่ละวัน โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการของสวนสนุกอีกครั้ง
ค่าเข้าชม :
บัตร one day pass
– ผู้ใหญ่ 5,800 เยน
– เด็กประถม 4,400 เยน
– เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป 2,700 เยน
– ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 2,900 เยน
Afternoon Passport (เข้าหลัง 15.00 น.)
– ผู้ใหญ่ 4,100 เยน
– เด็กประถม 3,100 เยน
– เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป 1,800 เยน
– ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 2,900 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Nagoya จากนั้นต่อรถบัสที่ Meitetsu Bus Center ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟมาลงที่ Nagashima Onsen
เว็บไซต์ : https://www.nagashima-onsen.co.jp/index.html
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/N2CKG1bG5JvdYkgz6
ไม่อยากพลาดความสนุกแบบนี้ก็ตามมาเช็กอินที่ สวนสนุก ญี่ปุ่น กันได้เลย มีเครื่องเล่นสนุกๆ รออยู่เพียบ ! หรือจอง ทัวร์ญี่ปุ่น ไปกับมัชรูมทราเวล นอกจากจะได้เที่ยวสวนสนุก พี่เห็ดจะพาทุกคนไปเช็กอินแลนด์มาร์กสุดฮิต เที่ยว กิน ช้อป กันแบบจุใจ ฟินตลอดทริปแน่นอน !