ชวนทุกคนไป เที่ยวสวนสนุกเกาหลี กัน!! บอกเลยว่าเกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่มีสวนสนุกเยอะมากๆ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง สนุกสุดเหวี่ยงไปกับเครื่องเล่นใหม่ๆ แถมยังเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่อยากพาลูกไป ทัวร์เกาหลี เที่ยวช่วงปิดเทอม หรือใครอยากยกแก๊งเพื่อนไปมันส์กันให้สุด ก็เอ็นจอยกันได้ทุกคน แถมยังได้เช็กอินที่เที่ยวฮิตๆ ในเกาหลีอีกด้วย ถ้าอย่างนั้นตามพี่เห็ด มัชรูมทราเวล ไปตะลุย 10 สวนสนุกเกาหลี ทั่วประเทศ มาย้อนวัยไปกับความสนุกโลดโผนอีกครั้งกัน…!!
1. ล็อตเต้เวิลด์ (Lotte World) – โซล
ถ้าพูดถึง สวนสนุกเกาหลี ในกรุงโซล อันดับหนึ่งที่คิดถึง คงหนีไม่พ้น ล็อตเต้เวิลด์ สวนสนุกใจกลางเมือง มาพร้อมเครื่องเล่นมากกว่า 40 ชนิด ครอบคลุมความสนุกทุกรูปแบบ ตั้งอยู่รวมกับห้างสรรพสินค้าและอาคาร Lotte Tower ที่สูงถึง 123 ชั้น โดยสวนสนุกแบ่งพื้นที่เป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ
1. Lotte World Adventure : สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่าเป็นโซนผจญภัย เล่นสนุกได้ทุกฤดูกาลแบบไม่ต้องกลัวร้อนกลัวหนาว ภายในตกแต่งสไตล์ยุโรป เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะเน้นสำหรับเด็กเล็ก ไฮไลต์เด็ดอยู่ตรงลานสเก็ตน้ำแข็งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางโซน แค่เดินเข้าไปใจก็เต้นรัวๆ แล้ว
2. Magic Island : สวนสนุกกลางแจ้ง หรือเรียกว่า เกาะแห่งเวทมนตร์ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบซกชอนโฮซู (Seokchonhosu Lake) เน้นเครื่องเล่นหวาดเสียวสุดเอ็กซ์ตรีม ถูกใจคนที่ชื่นชอบความตื่นเต้น มี 4 เครื่องเล่นที่ขึ้นชื่อว่าหวาดเสียวที่สุด คือ Gyro Drop, Gyro Swing, Bungee และ Atlantis รับรองว่าได้ร้องกรี๊ดกันสุดเสียง
หลังจากเล่นเครื่องเล่นกันจนเพลินแล้ว ช่วงเวลาเย็นๆ ก็ถึงเวลาขบวนพาเหรดของเหล่าตัวละครต่างๆ ตามแต่ละช่วงเทศกาล และภายในสวนสนุกยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำให้เข้าชมอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถออกมาช้อปปิ้งต่อในห้าง แถมยังมองเห็นวิวของกรุงโซลจากมุมสูงได้อีกด้วย
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 21.00 น. (ศุกร์-เสาร์ ปิด 22.00 น.)
ค่าเข้าชม : บัตรเข้าชมได้ทั้ง Lotte World และ Folk Museum แบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 62,000 วอน / วัยรุ่น (อายุ 13 – 18 ปี) 54,000 วอน / เด็ก (อายุ 3 – 12 ปี) 47,000 วอน / เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 36 เดือน) 15,000 วอน
เว็บไซต์ : adventure.lotteworld.com
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลง สถานีจัมชิล (Jamsil Station) ทางออก 4 จากนั้นเดินต่อประมาณ 150 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/8mLjXasVtcwZ6fm57
2. เอเวอร์แลนด์ (Everland) – คยองกี
เดินทางออกนอกเมืองมา เที่ยวสวนสนุกเกาหลี กันต่อที่จังหวัดคยองกี เพื่อมุ่งหน้าไป เอเวอร์แลนด์ สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่สุดในเกาหลีใต้ เปรียบเสมือนดิสนีย์แลนด์แห่งเกาหลีก็ว่าได้ เพราะเมื่อก้าวเข้าสู่สวนสนุกจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย สามารถเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ ได้ราวกับฝัน โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน ตามนี้
1. Global Fair : โซนนี้มีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสมัยเก่าและสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย เรอเนสซองส์ ไปจนถึงโมเดิร์น มีสีสันสดใส เหมาะแก่การถ่ายรูป และมีเครื่องเล่นเหมาะสำหรับเด็กๆ
2. American Adventure : โซนจำลองประเทศอเมริกาในอดีต มีดนตรีประกอบสุดครึกครื้น เครื่องเล่นมีความผาดโผน เหมาะกับวัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือคนที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ เครื่องเล่นไฮไลต์คือ เรือเหาะ Columbus Adventures, รถไฟเหาะ Rolling X-Train และ เครื่องเล่นปั่นๆ หมุน Let’s Twist
3. Zootopia : ดินแดนของคนรักสัตว์ เพลิดเพลินไปกับสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะสัตว์ไฮไลต์อย่าง ลูกไลเกอร์ (Liger) ลูกแฝดผสมเสือกับสิงโต และ ครอบครัวแพนด้ายักษ์ ที่มีทั้งพ่อแม่และลูกแฝดแพนด้าอีกด้วย แถมยังมีเครื่องเล่นที่เหมาะสำหรับเด็กๆ อีกหลายอย่าง แนะนำให้เล่น “Lost Valley” นั่งรถสะเทินน้ำสะเทินบก ชมสัตว์ต่างๆ
4. Magic Land : ดินแดนแห่งเวทมนตร์ โลกแห่งนิทานอีสป มีการตกแต่งอย่างสวยงามราวเหมือนราวกับเมืองในฝัน พร้อมสอดแทรกขอคิดดีๆ ผ่านตัวละครสุดน่ารัก เต็มไปด้วยตัวละครสัตว์น่ารักมากมาย เน้นเครื่องเล่นสำหรับเด็กและครอบครัว
5. European Adventure : ดินแดนแห่งบ้านยุโรป มีการตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใสสไตล์ฝรั่งเศส เป็นโซนเด็ดของสวนสนุกแห่งนี้เลย เพราะมีเจ้ารถไฟเหาะ “T Express” ซึ่งเป็นรถไฟเหาะรางไม้ที่สูงที่สุดในโลก มีความชันถึง 77 องศา วิ่งด้วยความเร็ว 104 กม. ต่อชั่วโมง เหมาะกับคนที่ชอบความหวาดเสียวจนแทบลืมหายใจ
จะเห็นได้ว่าสวนสนุกที่นี่ มีเครื่องเล่นครบรส และหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวสำหรับผู้ใหญ่หรือเครื่องเล่นใสๆ สำหรับเด็ก ก็สนุกตื่นตาตื่นใจ แถมยังมีโซนสวนสัตว์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสงสีเสียงสุดอลังการอย่าง Moonlight Parade และ Dream of Laciun ในช่วงเวลากลางคืน รวมทั้งการจัดสวนที่จะสลับสับเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาลต่างๆ มาที่นี่ได้สนุกเต็มที่แน่นอน
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 22.00 น.
ค่าเข้าชม : บัตรสำหรับ 1 วัน ราคาจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์
เว็บไซต์ : www.everland.com
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Yongin EverLine ลงสถานี Jeondae-Everland ทางออก 3 จากนั้นขึ้นรถบัสฟรีไปยัง Everland ได้เลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/jVU2fqmfqDWLitUs6
3. โซลแลนด์ (Seoul Land) – คยองกี
ยังเล่นสนุกไม่หนำใจขอไปต่อกันที่ สวนสนุกเกาหลี แห่งแรกอย่าง โซลแลนด์ (Seoul Land) สวนสนุกที่ใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะล้อมรอบไปด้วยภูเขาชองกเย (Cheonggyesan) ในจังหวัดคยองกี ความพิเศษที่ทำให้สวนสนุกแห่งนี้ต่างจากที่อื่นก็คือ การออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของเกาหลี และสถาปัตยกรรมจากทั่วทุกมุมโลก มีเครื่องเล่นมากกว่า 50 ชนิด แบ่งออกเป็น 5 โซน คือ World Plaza, Adventure Land, Character Town, Tomorrow Land, และ Samchulli Land มีเครื่องเล่นหลากหลายเหมาะกับทุกวัย แต่ที่เด่นๆ เลยก็คือ รถไฟเหาะตีลังกา Black Hole 2000 ความสูง 113 ฟุต หวาดเสียวสุดๆ นั่งไปร้องกรี๊ดไป นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล เช่น เทศกาลทิวลิป, เทศกาลเบญจมาศ และเทศกาลโคมไฟ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสวนสนุกที่มาเที่ยวกันได้ครอบครัวจริงๆ
เวลา เปิด-ปิด : 10.00 – 21.00 น. (เวลาเปิด-ปิด และวันหยุดไม่แน่นอน โปรดตรวจสอบข้อมูลทางเว็บไซต์)
ค่าเข้าชม : (กลางวัน) ผู้ใหญ่ 52,000 วอน / วัยรุ่น 46,000 วอน / เด็ก 43,000 วอน, (กลางคืน) ผู้ใหญ่ 45,000 วอน / วัยรุ่น 39,000 วอน / เด็ก 36,000 วอน
เว็บไซต์ : seoulland.co.kr
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 ไปลงสถานี Grand Park / Seoul Land ทางออก 2
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/NxnGtCZ23AkKvtnJ6
4. สวนสนุกวอลมิ (Wolmi Theme Park) – อินชอน
ถ้าใครได้แวะมาเมืองอินชอน (Incheon) ต้องห้ามพลาด สวนสนุกวอลมิ สวนสนุกเกาหลี ติดทะเล เป็นพื้นที่เปิดที่ไม่มีค่าเข้า ตั้งอยู่บนเกาะวอลมิโด (Wolmido Island) ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวในเมืองอินชอน ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเล่นสนุกกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งเครื่องเล่นขึ้นชื่อของที่นี่คือ Viking (ไวกิ้ง) ที่ว่ากันว่าน่ากลัวที่สุดในเกาหลี เครื่องเล่นที่คนนิยมเล่นมากที่สุดคือ Crazy Crown ปลาหมึกยักษ์เหวี่ยงขึ้นลง หวาดเสียวสุดๆ, Mooneye Whell ชิงช้าสวรรค์ความสูงกว่า 115 เมตร ใหญ่โดดเด่นที่สุดในสวนสนุกแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ และโรงภาพยนตร์ 4D ให้ได้ชม หลักๆ แล้ว ที่นี่เหมาะสำหรับพาเด็กๆ มาเล่นสวนสนุกเพลินๆ แถมยังได้เที่ยวทะเลไปในตัว ใครไม่ได้เล่นเครื่องเล่นก็มาถ่ายรูปเก๋ๆ เดินเล่นริมทะเลได้ แล้วแวะไปให้อาหารนกนางนวล วิวสวย บรรยากาศดี ใครมาเที่ยวอินชอนบอกเลยว่าห้ามพลาด
เวลา เปิด-ปิด : วันธรรมดา 10:30 – 20:00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 10:30 – 23:00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม แต่จะขายเป็นตั๋วเหมาจำนวนครั้งของการเล่นเครื่องเล่นแทน
เว็บไซต์ : http://www.my-land.co.kr/index/
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีอินชอน (Incheon Station) ทางออก 1 ใกล้ๆ จะมีป้ายรถเมล์ นั่งสาย 45 ไปลงป้าย Wolmi Theme Park
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/GJjhEsLY2gWTb3Vy6
5. เลโก้แลนด์ โคเรีย รีสอร์ท (Legoland Korea Resort) – คังวอน
แฟนพันธุ์แท้เลโก้ เห็นแล้วต้องตาลุกวาว เพราะที่เกาหลีมีเลโก้แลนด์ โคเรีย รีสอร์ท เป็นเลโก้แลนด์แห่งที่ 10 ของโลก และเป็นแห่งแรกของโลกที่สร้างอยู่บนเกาะ ตั้งอยู่ที่เมืองชุนชอน (Chuncheon) จังหวัดคังวอน (Gangwon) มาในคอนเซ็ปต์ตัวต่อเลโก้ ของเล่นสุดฮิตที่เด็กๆ และผู้ใหญ่หลายคนหลงรัก ตื่นตาตื่นใจไปกับการตกแต่งที่ถูกเนรมิตให้ทั้งสวนสนุกเต็มไปด้วยเลโก้ มีทั้งเครื่องเล่นสนุกๆ มากกว่า 40 ชนิด และมุมถ่ายรูปเก๋ๆ บอกได้เลยว่าน่ารักสุดๆ ถ่ายมุมไหนก็สวยโดนใจ โดยจะแบ่งออกเป็น 7 โซน ตามนี้
1. Bricktopia : โซนตัวต่อเลโก้ มีเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลต์ คือ Lego Factory Adventure พาเรานั่งรถชมโรงงานเลโก้ ตามไปดูขั้นตอนต่างๆ ของการผลิตตัวต่อเลโก้ จนกระทั่งนำใส่กล่องส่งถึงมือเด็กๆ เพลิดเพลินกับ Legoland Lookout ชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศา บนความสูง 43 เมตร
2. Brick Street : โซนปล่อยปลดจินตนาการ ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจไปกับตัวต่อเลโก้ขนาดยักษ์ที่ตกแต่งอยู่ในสวนสนุก ทั้งยังมีร้านค้า ร้านอาหารให้ได้ช้อปปิ้งมากมาย
3. Lego Castle : เข้าร่วมทำภารกิจจากพ่อมดเมอร์ลิน เพื่อให้เหล่าอัศวินทั้งหลายได้ไปพบกับเครื่องเล่นสุดท้าทายอย่างรถไฟเหาะ Dragon Coaster เครื่องเล่นหวาดเสียวที่สุดในสวนสนุกแห่งนี้
4. Lego City : เปิดโลกแห่งตัวต่อเลโก้ ด้วยการพาตัวเองเข้าไปในโลกเลโก้ พบเจอผู้คนหลากหลายอาชีพในรูปแบบมินิฟิกเกอร์ แถมเด็กๆ ยังได้เข้าโรงเรียนสอนขับรถจำลองในเลโก้ และมีลูกเล่นอย่างใบขับขี่สุดน่ารักอีกด้วย
5. Lego Ninjago World : โซนที่พบกับนินจาเลโก้ตัวเป็นๆ และฝึกให้เราเป็นนินจาเลโก้ด้วย Lego Ninjago เครื่องเล่นภาพ 4D ที่คุณควบคุมทุกอย่างได้ด้วยมือของเราเอง
6. Pirate Shores : ร่วมผจญภัยไปกับเรือรบ ยิงปืนน้ำใส่เป้าหมาย เป็นเหมือนการล่องเรือโจรสลัดไปล่าสมบัติ แถมยังมี Pirate Playscape ที่สามารถขึ้นไปถ่ายรูปเล่นได้ด้วย
7. Miniland : โซนพิเศษที่รวบรวมตัวต่อเลโก้ที่สร้างเป็นเมืองต่างๆ จากหลากหลายประเทศมาไว้ที่นี่ และจะมีโมเดลตัวต่อเลโก้ที่ไม่เคยเห็นที่เลโก้แลนด์ประเทศไหนมาก่อน แต่จะมีแค่ที่นี่เท่านั้น
หากใครยังเล่นเครื่องเล่นไม่หนำใจ ที่นี่ก็ยังมี Legoland Hotel ให้บริการถึง 154 ห้อง โดยจะตกแต่งในธีมเลโก้ทั้งหมด แบ่งออกเป็น 4 ธีม คือ Kingdom, Lego Ninja, Pirate และ Lego Friends บอกเลยว่าใครชอบเลโก้มาแล้วต้องฟิน เพราะทุกอย่างคือน่ารักมาก
เวลา เปิด-ปิด : 10.00 – 18.00 น. (วันหยุดไม่แน่นอน แนะนำให้ตรวจสอบวันหยุดผ่านเว็บไซต์)
ค่าเข้าชม : บัตรแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 65,000 วอน / เด็ก 55,000 วอน
เว็บไซต์ : www.legoland.kr
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีโซล (Seoul Station) ไปลงสถานียงซาน (Yongsan Station) แล้วเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟ ITX ลงสถานีชุนชอน (Chuncheon Station) จากนั้นจะมีรถ Shuttle Bus บริการฟรีมาส่งถึงหน้าสวนสนุกเลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/FqFrThFrzRHGARoF9
6. ล็อตเต้เวิลด์แอดเวนเจอร์ ปูซาน (Lotte World Adventure Busan) – ปูซาน
ตามมาดู สวนสนุกเกาหลี แห่งใหม่สุดอลังการที่เพิ่งเปิดในปี 2022 นี้เอง ล็อตเต้เวิลด์แอดแวนเจอร์ ปูซาน ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จของสวนสนุก Lotte World ในกรุงโซล โดยมีพื้นที่ใหญ่กว่าถึง 4 เท่า แบ่งออกเป็น 6 โซนคือ Underland, Queen Lorry’s Royal Garden, Joyful Meadows, Tinker Falls, Rainbow Springs และ Wonder Woods ส่วนเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลต์ ถ้าได้มาแล้วห้ามพลาดก็คือ Giant Digger รถไฟเหาะตีลังกา วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 100 กม./ชั่วโมง ใครชอบความเร็วหวาดเสียวห้ามพลาด อีกหนึ่งไฮไลต์ก็คือ Giant Swing ชิงช้าหมุนขนาดยักษ์ ความสนุกอยู่ตรงช่วงที่เหวี่ยงไปจุดเกือบสูงสุด แล้วค้างไว้กลางอากาศ ก่อนจะทิ้งตัวลงมา นอกจากเครื่องเล่นและจุดถ่ายรูปน่ารักๆ แล้ว อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับ Lotty และ Lorry มาสคอตการ์ตูนแรคคูนผู้ชายผู้หญิง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนสนุกแห่งนี้ด้วยนะ
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 20.00 น. (เวลาเปิด-ปิดแตกต่างกันไปในแต่ละวัน โปรดตรวจสอบผ่านเว็บไซต์อีกครั้ง)
ค่าเข้าชม : บัตรแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 47,000 วอน / วัยรุ่น 39,000 วอน / ผู้สูงอายุ 33,000 วอน / เด็ก 12,000 วอน
เว็บไซต์ : adventurebusan.lotteworld.com
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Osiria ทางออก 1 จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/zxu2c5r2EFBEM1X69
7. อีเวิลด์ (E-World) – แดกู
ไปสนุกกันต่อในเกาหลีโซนทางใต้กันที่ อีเวิลด์ สวนสนุกแห่งเมืองแดกู (Daegu) นับเป็นสวนสนุกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเกาหลี ตั้งอยู่ในสวนทูรยู (Duryu Park) สวนสาธารณะชื่อดังประจำเมือง ทำให้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง แบ่งออกเป็น 4 โซน คือ Fantasy World, Magic World, Adventure World และ Dynamic World ซึ่งแต่ละโซนจะมีเครื่องเล่นแตกต่างกันไป แต่ที่โดดเด่นที่สุดจะเป็นโซน Adventure World รวมเครื่องเล่นมันส์ๆ ทั้งหมดอย่าง Bumper Car และ Boomerang เล่นกันให้สนุกสุดเหวี่ยง นอกจากสวนสนุกแล้วที่นี่ยังมีสวนสัตว์เล็กๆ ให้เด็กๆ ได้เข้าชมกันอีกด้วย หลังจากเล่นมาเหนื่อยๆ เพื่อนๆ อาจจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันตรงสวนสาธารณะ หรือขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของตัวเมืองบน 83 Tower หอคอยสูงตระหง่าน 83 ชั้น ก็อิ่มเอมใจไม่แพ้กัน
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม : บัตรแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 49,000 วอน / วัยรุ่น 44,000 วอน / เด็ก 39,000 วอน
เว็บไซต์ : www.eworld.kr
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานีทูรยู (Duryu Station) ทางออก 15 จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/d8JRp5p6gSQUFHKA7
8. สวนสนุกคยองจูเวิลด์ (Gyeongju World) – คยองจู
มาต่อที่เมืองคยองจูกับ สวนสนุกคยองจูเวิลด์ สวนสนุกที่มีจุดไฮไลต์อยู่ในช่วงฤดูหนาวคือ ลานสกีกลางแจ้ง Gyeongju World Snow Park ที่ทุกคนต้องมาเล่นกิจกรรมกระดานเลื่อน ไถลลงมาจากเนินหิมะสุดลาดชันยาว 250 เมตร หรือจะเล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาวต่างๆ ก็ได้ ส่วนเครื่องเล่นหวาดเสียวสุดฮิตของที่นี่ก็คือ Phaethon Roller Coaster รถไฟเหาะสีเหลืองคดเคี้ยวไปมา ไม่มีผนังกั้นด้านข้าง ขบวนจะพาไปปล่อยบนความสูงที่ 70 เมตร แล้วทิ้งดิ่งลงมาด้วยความชันประมาณ 90 องศา ความเร็วสูงสุดที่ 114.3 กม./ชั่วโมง และหมุนตีลังกา 1 รอบ ใครชอบความสูงความเร็วก็จัดเลย ส่วนพี่เห็ดขอไปนั่งถ่ายรูปเล่นอยู่ที่ม้าหมุน น่ารักๆ ด้านล่างจะดีกว่า
เวลา เปิด-ปิด : วันธรรมดา 10.00 – 18.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 20.00 น.
ค่าเข้าชม : บัตรแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 48,000 วอน / วัยรุ่น 42,000 วอน / เด็ก 36,000 วอน
เว็บไซต์ : www.gjw.co.kr
การเดินทาง : นั่งรถไฟ KTX มาลงที่สถานีชินคยองจู (Shin Kyungjoo Station) จากนั้นนั่งรถบัสสาย 60 ลงที่ป้ายพัลอูจอง (Pal-ujeong) แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถเมล์สาย 101-1 มาลงที่สวนสนุกได้เลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/g6kXN6mxAXff7Cz96
9. สวนสนุกชินฮวา (Shinhwa Theme Park) – เชจู
ที่สุดของความสะดวกสบาย มีครบทุกความบันเทิงกับ สวนสนุกชินฮวา สวนสนุกบนเกาะเชจู ตั้งอยู่ใน Jeju Shinhwa World รีสอร์ทขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลี ที่นี่ถือเป็นแหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น สวนสนุก สวนน้ำ รถไฟเหาะตีลังกา ม้าหมุน รวมไปถึงโรงภาพยนตร์ 4 มิติ เรียกได้ว่าสามารถเวลาอยู่ที่นี่ได้ตลอดทั้งวันเลย โดยสวนสนุกแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่
1. Rotary Park : โซนแสดงงานศิลปะที่นำเสนอเทคโนโลยีต่างๆ สไตล์วินเทจ เช่น เครื่องบิน หุ่นยนต์ เครื่องจักรไอน้ำ ฟันเฟือง เป็นต้น สองข้างทางมีร้านขายของที่ระลึกให้ได้ช้อปปิ้ง มีตู้เกม รวมทั้งลานสำหรับแสดงกิจกรรม
2. Larva Adventure Village : หมู่บ้านของเหล่าตัวการ์ตูนสุดน่ารักจากเรื่อง Larva มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ และมุมถ่ายรูปน่ารักๆ มากมาย แถมสีสันสดใสสุดๆ
3. Oscar’s New World : โซนที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปในสมัยของชนเผ่าอินคา มีเครื่องเล่นไฮไลต์คือ Spin’n Bump จานหมุนที่จะเหวี่ยงไปมาบนหลังกิ้งก่าโบราณ ถือว่ามีความหวดเสียวพอสมควร โซนนี้จะเน้นเป็นเครื่องเล่นสำหรับวัยรุ่น มีความตื่นเต้น เร้าใจ
นอกจากเครื่องเล่นสนุกๆ แล้ว บริเวณลานกิจกรรมยังมีขบวนพาเหรดที่ตัวละครจะมาทำการแสดง ร้อง เล่น เต้น รำ เมื่อการแสดงจบ นักท่องเที่ยวสามารถไปถ่ายรูปกับตัวละคร ตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบได้
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 20.00 น.
ค่าเข้าชม : บัตรรวมเครื่องเล่น Low Season 27,000 วอน / General Season 35,000 วอน
เว็บไซต์ : www.shinhwaworld.com
การเดินทาง : จากสนามบินนานาชาติเชจู นั่งรถบัสหมายเลข 250-3 จาก Jeju Interbus Terminal ไปลงที่ป้าย Shinhwa Theme Park จากนั้นเดินต่อไปที่สวนสนุกอีก 6 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/26LdfMXCuGDG1NN77
10. สวนสนุกคิมแฮคายา (Gimhae Gaya Theme Park) – คยองซังนัม
ปิดท้าย ออกไปหาอะไรตื่นเต้นทำสนุกๆ กับ สวนสนุกเกาหลี ที่ สวนสนุกคิมแฮคายา สวนสนุกที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนที่ไหน ขึ้นชื่อเรื่องความท้าทายมากๆ เหมาะกับคนขี้เบื่อสุดๆ ด้วยตัวกิจกรรมที่มีให้ทำหลากหลาย ตั้งแต่เดินเล่นชิลๆ ไปจนถึงเครื่องเล่นชวนหวาดเสียว ไม่ว่าจะเป็น Exciting Cycle การปั่นจักรยานลอยฟ้าที่ชวนให้ใจเต้นแรง ยังไม่หมดแค่นั้นไประทึกกันต่อกับ Exciting Tower หอคอยความสูง 15 เมตรที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามให้ทุกคนได้ฝ่าฟัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเบาๆ อย่างการยิงธนู หรือ การทำเครื่องปั้นดินเผา ให้ทำกันอีกด้วย บอกได้เลยว่าสายลุย สายแอดเวนเจอร์ต้องห้ามพลาด
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน 09.30 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 5,000 วอน / วัยรุ่น 4,000 วอน / เด็ก 3,000 วอน (ราคายังไม่รวมเครื่องเล่น)
เว็บไซต์ : gtp.ghcf.or.kr
การเดินทาง : นั่ง KTX จากสถานีโซล (Seoul Station) ลงสถานีปูซาน (Busan Station) แล้วเปลี่ยนมาขึ้นรถบัสหมายเลข 1004 มาลงที่ป้ายมหาวิทยาลัยอินเจ (Inje University station) จากนั้นขึ้นแท็กซี่ไปลงที่สวนสนุกได้เลย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/ypEuSbXC1iBb72jZ9
ได้มา เที่ยวสวนสนุกเกาหลี ทั้งทีจะให้อยู่แค่ในกรุงโซลได้ยังไง ต้องไปตะลุย สวนสนุกเกาหลี ให้ครบทั่วทั้งประเทศเลย เรียกได้ว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยได้สัมผัส แถมยังพาไปเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว หรือยกแก๊งเพื่อนไปสนุกด้วยกัน ก็ถือว่าได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว