ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ เที่ยว Iceland แบบหนาวๆ พร้อมชมแสงเหนือ ทริปในฝันของใครหลายคน จะสวยงามขนาดไหน ตามไปชมกันเลยค่ะ
12 วันชิวๆที่ ICELAND (ตอนที่ 1)
สวัสดีครับ ผมและเพื่อนๆอีก 4 คน ได้ไป เที่ยว Iceland เมื่อวันที่ 28 กพ – 12 มีค ที่ผ่านมา เพื่อมาดูแสงเหนือ และเที่ยวไปเรื่อยๆโดยรถแคมเปอร์แวนเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การเดินทาง
รีวิวอาจไม่ละเอียดเท่าไหร่นะครับ การเตรียมตัวเตรียมของ มายุโรป น่าจะมีคนรีวิวเยอะแล้ว และพวกผมไม่ได้เตรียมตัวกันเท่าไหร่ ทั้งหลงทาง ผิดแผนมากมาย แต่ก็รอดกันมาได้ เลยขอข้ามเลยละกันครับ 555
และนี่ก็เป็นรีวิวแรก อาจมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ เริ่มจากเส้นทางการเดินทาง เที่ยว Iceland ที่พวกผมได้ไปมา แต่ไม่ใช่ตามแผนที่วางไว้นะครับ เพราะแผนการค่อนข้างต่างไปจากเดิมพอสมควรซึ่งแผนเดิมนั้นได้หายไปแล้วครับ หาไม่เจอด้วย 555+
การเดินทางไป มายุโรป ไป เที่ยว Iceland พวกผมได้ซื้อตั๋วของสายการบิน Norwegian ไปลงที่ Oslo Airport, Norway แล้วต่อเครื่องของสายการบิน Icelandair ไปยัง Keflavik Airport, Iceland
นี่ก็ ข้อจำกัดต่างๆของสารการบิน Norwegian น้ำหนักระเป๋า ขนาด etc. (เหมือนกันกับของ Icelandair)
DAY 1
พวกเรามาถึงสนามบิน Oslo เวลาประมาณ 4:00 PM GMT+1 พวกเราได้เลือกซื้อตั๋วจากออสโลวไป เที่ยว Iceland มีเวลาเปลี่ยนเครื่องประมาน 22 ชม. เพราะไฟลทเร็วกว่านี้ก็ หลังจากเครื่องลง 2 ชม. ด้วยความที่กลัวจะไม่ทัน เผื่อไฟลทดีเลย์ และอื่นๆ เลยจำเป็นต้องเลือกไฟลทนี้ และคิดว่าคงไม่นานเท่าไหร่แค่ 22 ชม.
ปรากฏว่า คิดผิดครับ
หลังจากนอนมากนานมากก ก็ได้เวลาเดินทางไปยังที่หมายของเราซักที ดีใจมากครับ ได้ไปจากที่นี่ซักที 5555
เริ่มต้นการเดินทาง DAY 1
ผมและเพื่อนมาถึง Keflavik Airport ประมาณ 15:45 น. GMT+0 พวกผมได้ซื้อซิมการ์ดยี่ห้อหนึ่งที่ใช้ได้หลายประเทศในยุโรป คนละอัน เพราะสามารถใช้ได้ในไอซ์แลนด์และนอเวย์ ซิมโทรหากันเองได้ แต่โทรหาเบอร์ในต่างประเทศไม่ได้ (3g ใช้ได้ครับใน oslo ในไอซ์แลนด์ก็ได้บ้างครับ ถือว่าโอเคถ้าจะไปหลายประเทศโดยใช้ซิมอันเดียว) เลยต้องโดนเพิ่มซิมเพื่อติดต่อบริษัทรถเช่า
วันแรกแทบไม่ได้หยิบกล้องเลยครับ หนาวจัด ทำตัวไม่ถูก กว่าจะรับรถเช็คสภาพ ซื้อของเรียบร้อยก็ ประมาณ 19:00 น. แผนที่คิดไว้คือ ขับรถออกนอกเมืองแล้วหา campsite นอนกัน ระหว่างทางเราก็แวะแถวๆ Pingvellir National Park เพราะเห็นมีรถจอดอยู่ปรากฏว่าไม่ใช่ครับ ผมและเพื่อนก็นั่ง งง ในรถกันซักพัก แต่ว่า อยู่ดีๆ ก็มีแสงเหนือโผล่มาให้เห็น
ซักพักก็มีรถทัวร์และนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมากัน
ลงจากรถไปถ่ายรูปไปยืนดูได้ไม่นานมาก ก็ต้องหนีมาบนรถครับ เพราะว่าหนาวมากอุณภูมิ -13 ได้ ฮีทเตอร์บนรถก็ไม่ค่อยจะช่วยเลยครับตอนนั้น พวกเราเลยเปลี่ยนแผน หาที่พักใน Reykjavik ก่อน เพราะดูทรงนอนบนรถไม่น่ารอด 555
DAY 02
หลังจากหลับอย่างสบาย มีฮีตเตอร์อุ่นๆ ก็ได้เวลาออกเดินทางไปยัง Pingvellir National Park โดยไม่มีใครรู้ว่าคือที่ๆไปมาเมื่อคืน
ชิวมาก 555
แล้วเค้าจะไปทำงานยังไง
พลขับจำเป็นกับเนวิเกเตอร์ ประจำทริป คนเดียวขับตลอด 10 วัน เพราะคนอื่นขับเกียร์ประปุกไม่แข็ง คนที่ยังไม่เคยไป ตอนจองรถต้องเมลไปบอกที่บริษัทด้วยก็ดีนะครับว่า ขอเกียร์ออโต้ ด้วยความชิว พวกผมไม่ได้ระบุไป พอเมลไปถามอีกเหลือแต่เกียร์กระปุก (อุตส่าห์ทำใบขับขี่สากลมาตั้ง 5 คน)
ระหว่างทาง เที่ยว Iceland เต็มไปด้วยหิมะ ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศดีมากกก เท่ และแล้วก็มาถึงครับ Pingvellir National Park
รถเยอะมาก สภาพต่างจากเมื่อคืนสุดๆ
เอาเป็นว่าชมวิวแล้วกันครับ ไม่รู้จะอธิบายอะไร
หลังจากชมวิว ที่ Pingvellir National Park เรียบร้อย ก็ได้เวลามูฟไปที่ต่อไป Geysir ใน Stokkur ที่นี่เป็น น้ำพุร้อนธรรมชาติ ที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดินครับ สูงมาก
footage ลงได้แล้วว พลุ เสียงลมดังหน่อยนะครับ
ที่นี่จะมีร้านอาหารกับ Souvenir ให้บริการอยู่ข้างๆหลังจากกินข้าวเสร็จเราก็ไปกันต่อ
…
Gullfoss Waterfall
เป็นน้ำตกที่ใหญ่มากครับ ลมแรงสุดๆตัวแทบปลิวหลังจากดูน้ำตกเสร็จเกือบๆเย็นพอดี เราเลยหาที่พักกันอีกเนื่องจากติดความสบายจากคืนแรกมาก 555+ เราหาที่พักจากในเว็บเอเย่นต์ห้องพักเว็บหนึ่ง เราก็มุ่งตรงไปยังที่พักทันที
Vansholt Guesthouse
เป็นเหมือนฟาร์มใหญ่ๆ อยู่ไม่ไกลมากจาก Reykjavik กว่าจะมาถึงก็ได้เวลาอาทิตย์ตกพอดี ก็เลยเดินถ่ายรูปเล่นแถวๆนั้น
รถนอนไม่ได้นอน เช่ามาเก็บของ
คอกม้าแบบรถลาก
อันนี้อะไรก็ไม่รู้ครับ ถ่ายซะเลย วันนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตารอถ่ายแสงเหนืออีกครั้ง แต่เหมือนเมฆไม่เข้าใจ พวกเราเลยนอนกันก่อนแล้วตื่นมาอีกทีช่วง ตี 4
นั่งถ่ายรูป ดูได้ไม่นานก็นอนต่อครับ เพราะข้างนอกหนาวมากก
DAY 03
เช้าแล้วก็ได้เวลาหามื้อเช้ากินกันก่อนเดินทางกันต่อ ที่ Vansholt Guesthouse มีบริการอาหารเช้า ก็ประมานนี้ครับ (ภาพอาหารมีบ้างไม่มีบ้างนะครับ ถ้าถ่ายไว้จะเอามาให้ดูกัน)
ส่วนใหญ่ที่พักในไอซ์แลนด์ ถ้ามากันเป็นกรุ๊ปประมาณ4-6คน ที่พักจะทรงนี้ สำหรับคนที่จะไปเที่ยวรอบเกาะ แล้วไม่อยากนอน campsite, ก็จะมีที่พักประมาณ guesthouse และ hostel ตลอดทางครับ ราคาก็พอได้ หารกันประมาณคนละ 1พันบาท
ไอซ์แลนด์ม้าเยอะมาก มีเกือบตลอดทาง ม้าที่นี่ดูชิวๆ ส่วนใหญ่ลงพุง น่ารักดี ไม่กลัวคนด้วยครับเตรียมของกินมาให้มันได้เล่นกับม้าเสร็จก็ไปกันต่อ
เจอทะเลสาบแข็ง ลงไปเดินเล่นได้แต่จะลื่นๆ
ที่ต่อไป Skogafoss Waterfall จุดหมายสุดท้ายของวันนี้ แล้วเราก็เดินทางมาถึงเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ Skogafoss Waterfallมาถึง ก็หนาวๆขี้เกียจหยิบขาตั้งกล้องไปด้วย แต่พอเดินมาเจอน้ำตกพร้อมสายรุ้ง ก็ต้องเดินกลับไปหยิบขาตั้งกล้องเลยทีเดียว
รุ้งกินน้ำ ชมวิวถ่ายรูปได้พักนึง ก็รู้สึกหิวกันเลยต้องหาไรกินหน่อยก่อนไปต่อ แถวนั้นไม่มีร้านค้าอะไรเลย มีแต่ร้าน Fish and Chips อยู่หนึ่งร้าน ที่หน้าทางเข้าน้ำตก
เราก็เลยไปกินกัน ที่ร้านมีเมนูเดียวคือ Fish and Chips แต่มีน้ำจิ้มให้เลือก เป็น Ketchup, Tartar sauce, และ Sweet chili คือน้ำจิ้มไก่ย่างแม่ประนอมบ้านเรานี่เอง
ที่ Skogafoss Waterfall จะมีจุดชมวิวอยู่บนเนินเขา ข้างๆกับน้ำตก
แล้วเราก็พบกันอีกครั้ง ลืมบอกครับ ที่พักที่นี่เราได้ห้องพัก ชั้น2 มีระเบียงชมวิว เราก็ดูและถ่ายรูปแสงเหนือจากห้องได้เลยครับ ชิวมากกก
ก็หมดไปอีกวันครับ สำหรับ วันที่ 3
DAY 04
เช้าอีกแล้วครับ วันนี้เราได้ทำอาหารกินกันเอง อาหารก็ เป็นพวกอาหารสำเร็จรูป โจ๊กซอง กับไก่หมักซอสที่ซื้อมาเมื่อวาน
ที่ขาดไม่ได้คือ พริกป่นกับพริกไทย เพราะอาหารที่นี่ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยถูกปากคนชอบรสจัดเท่าไหร่ กินอาหารเช้าเรียบร้อยก็เก็บของแล้วเตรียมเดินทางต่อ
ก่อนออกก็เก็บวิวตอนเช้าจากระเบียงห้องพักมาหนึ่งรูป น่าจะเป็นโบสถ์ ออกเดินทางมาได้แป๊ปนึง เจอจุดชมวิว มีรถจอดเยอะมาก
เราก็เลยจอดมั่ง เป็นที่จอดรถ โล่งๆ แล้วก็มีทางเดินโล่งๆ กว้างสุดๆ
แล้วก็เลยเดินตามๆเค้าไป ปรากฏว่า ไกลและลมแรงมากกก แต่ในที่สุดก็ถึงซักที
ปรากฏว่าเป็น Wrecked DC 3 Airplane แลนด์มาร์คหนึ่งของที่นี่ ต้องไปหลบลมหนาวในเครื่องบิน
นายแบบประจำทริป แถวนี้ก็โล่งๆ มีเครื่องบินลำนี้จอดอยู่หนึ่งลำ
อันนี้ก็วิวรอบๆครับหลังจากสนุกสนานกับแถวๆนี้ ก็ได้เวลาเดินกลับไปกลับรวมๆแล้วประมาณ 8 กม. ครับ กลับมาที่รถก็ได้เวลาข้าวเที่ยงพอดีอาหารกลางวัน ส่วนใหญ่พวงผมทำแซนวิชจากที่พักแล้ว wrap เก็บไว้ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้อีกแล้วนะครับ ถ้าหาเจอจะเอามาให้ชม)ประหยัดได้พอสมควร เพราะอาหารถ้าไม่ทำกินเองราคาค่อนข้างแพง
แล้วเราก็ไปกันต่อที่ Dyrholaey
จากตรงนี้ ข้างๆก็จะมีทางให้ขับรถขึ้นไปสูงกว่านี้อีก ทางขึ้นเป็นถนนเลนเดียว ถนนลูกลัง ชันมาก มัวแต่ตื่นเต้นครับ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
Dyrholaey Arch
นี่จะเป็นร้านอาหาร และ souvenir มีห้องน้ำอยู่ข้างๆ เป็นแบบรูดบัตรจ่ายค่าบริการ แล้วนำสลิปไปใส่เครื่องสแกนหน้าห้องน้ำประตูถึงจะเปิด ค่าเข้าห้องน้ำ 200 kr ประมาณ 60 บาท
คนเยอะพอสมควร อาจเป็นเพราะตรงกับวันเสาร์ด้วยเดินๆอยู่ก็มีเหมือนพายุทรายพัดทรายมาเรื่อยๆ เดินเลยเข้ามาหน่อยก็จะเจอ ผาหินเป็นทรงแปลกๆ
ทุกอย่างดูเป็นสีดำ เมฆก็ครึ้มมาเลยถ่ายได้ซักพักเหมือนหิมะจะตก เลยต้องย้ายตัวเองไปที่รถ แล้วหิมะก็เริ่มตก แล้วก็ได้เวลาเริ่มเย็นพอดี เลยได้เวลาหาที่พัก แต่เนื่องจากที่พักเต็มหมด (อาจจะเป็นเพราะตรงกับวันเสาร์) เราเลยต้อง walk inจอดถามอยู่หลายที่ แต่ในที่สุด เราก็ได้ที่พักที่ Kirkjabae II
เป็น campsite ที่ดูเหมือนจะปิด แต่ไม่ปิด เพราะหิมะกองหนามาก ปิดประตูและทางเข้า แต่เนวิเกเกตอร์ของเรา ได้ลองเข้าไปดู และเจอกระดาษแปะอยู่ พร้อมเบอร์โทร เลยได้โทรไป ได้ความว่า ตกลงว่าเปิด แต่ถ้าไม่มีคนโทรมาก็ไม่เปิด เจ้าของชิวมากครับ
…
ห้องพักที่นี่เป็น cottage 4 ที่นอน อีกที่ต้องใช้ถุงนอน แต่จิงๆก็ใช้ถุงนอนหมดเพราะเตียงไม่มีผ้าห่ม มีห้องน้ำส่วนตัว แต่ไม่มีที่อาบน้ำมีห้องครัวแบบส่วนรวม ห้องอาบน้ำส่วนรวม กว่าจะหาที่พักได้ก็เย็นพอดี
ทานข้าวเย็นเสร็จก็เริ่มง่วง แต่นั่งคุยกันได้ซักพัก
พักความสนุกกันไว้เท่านี้ ติดตามต่อกันได้ใน ตอนที่ 2
ขอบคุณรีวิวสวยๆ จาก Guest สุดพิเศษ สมาชิกหมายเลข 1524222 สังกัด Pantip จากกระทู้ “[CR] 12 วันชิวๆที่ ICELAND” ที่มามอบประสบการณ์ พาเที่ยวไอซ์แลนด์ ที่เที่ยวที่กินจัดเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย !!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : FB/sasin.paraksa