ต้องยอมรับว่าโลกในยุคปัจจุบันนี้ อินเทอร์เน็ตถือเป็นปัจจัยที่ 5 ซึ่งสำคัญสำหรับชีวิตของเราเหลือเกินค่ะ เพราะไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร อินเทอร์เน็ตดูจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแทบทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การเดินทาง กระทั่งการสร้างความบันเทิงให้กับชีวิตตัวเอง ทั้งเพื่อดูหนัง ฟังเพลง อัพเดทข่าวสาร ท่องเที่ยว ฯลฯ
“การเดินทางท่องเที่ยว อินเทอร์เน็ตสำคัญจริงหรือ?”
คำตอบคือจำเป็น “มาก” ค่ะ เพราะไม่ใช่เรื่องของโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่คุณยังสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อประโยชน์อื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาสถานที่ต่างๆ พร้อมแผนที่และการเดินทาง ดูตารางเวลารถไฟหรือรถเมล์ ค้นหาข้อมูล ใช้สอนภาษาที่สามเพื่อสื่อสารกับคนในท้องถิ่น และในกรณีที่พลัดหลงกับเพื่อน ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อตามหากันได้ด้วย ดังนั้นเมื่อจะต้องมีการเดินทาง สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะเช่าพกพาไปด้วยเสมอก็คือ Pocket Wi-Fi หรือบางคนก็อาจจะใช้วิธีเปิดโรมมิ่งเสียเลย อย่างไรก็ตาม แม้อินเทอร์เน็ตจะมีความสำคัญแค่ไหน แต่ผู้เขียนก็มองว่าเงินที่เราจ่ายไปเพื่อใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนหลายร้อยหลายพันมันก็ยังไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี…
TRAVEL JAPAN Wi-Fi ของฟรีก็มีในโลก!!
เพราะฉะนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตขณะเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา แต่ก็ประหยัดรายจ่ายได้เช่นกัน นั่นก็คือ Free Wi-Fi ค่ะ แต่ปัญหาก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า พื้นที่ตรงไหนบ้างที่เขาจะปล่อย Free Wi-Fi ให้เราสามารถใช้ได้ตามสะดวก และปัญหาอีกอย่างที่พบก็คือ บางพื้นที่แม้จะเปิด Free Wi-Fi ให้ใช้ก็จริง แต่ก็จำเป็นจะต้องเข้ารหัสเสียก่อน แล้วอย่างนี้ “เราจะหารหัสมาจากไหนล่ะ?”
TRAVEL JAPAN Wi-Fi คือแอพลิเคชั่นล่าสุดที่มัชรูมทราเวลขอแนะนำว่าคุณควรดาวน์โหลดติดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ หากต้องเดินทางไปญี่ปุ่นในเร็ววันนี้ โดยแอพฯ นี้จะช่วยเราค้นหาจุดปล่อยสัญญาณ Free Wi-Fi ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น เชื่อมต่อ Wi-Fi ให้ รวมถึงยังมีบริการแนะนำข้อมูลต่างๆ ในพื้นที่หรือสถานที่ที่คุณอยู่ในขณะนั้นอีกด้วย
นอกจากนั้นแอพลิเคชั่นตัวนี้ยังรองรับการใช้งานถึง 5 ภาษาคือ อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และภาษาไทย โดยสามารถโหลดมาใช้ได้ทั้งในระบบ Android OS 4.0 ขึ้นไป และระบบ iOS 7 ขึ้นไป ซึ่งการใช้งานจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ
Basic Network
หลังจากดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นและเปิดใช้งาน ก็สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ฟรีจากจุด Wi-Fi Hotspot กว่า 60,000 จุดทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้ารหัสหรือใส่โค้ดใดๆ ให้ยุ่งยาก จากรายชื่อสัญญาณที่ขึ้นว่า “Wi2″ “Wi2_club” “wifi_square” และ “UQ_Wi-Fi”
Premium Network
นอกจากนักท่องเที่ยวจะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในแบบเบสิคถึง 60,000 แห่งแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ฟรีในจุด Premium Network จากร้านค้าและบริการต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการอีกว่า 200,000 จุดทั่วประเทศ ทั้งตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สถานีรถไฟ คาเฟ่ ภายในร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า รวมทั้งในพื้นที่ของโรงแรมต่างๆ ในชื่อสัญญาณ “Wi2premium” และ “Wi2premium_club”
แต่เงื่อนไขของการใช้ Premium Network คือหลังจากที่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพลิเคชั่นแล้ว ในการเข้าใช้งานระบบจะให้คุณใส่รหัสพรีเมี่ยมลงไปเสียก่อน จากนั้นก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยรหัสจะมีอายุใช้งานทั้งหมด 2 สัปดาห์
“เห็นไหมคะว่าง่ายๆ แค่นี้เอง เอ… ว่าแต่เราจะไปหารหัสพรีเมี่ยมมาจากที่ไหนล่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะมัชรูมทราเวลจะพาคุณไปตามหาสถานที่ที่เขาแจกรหัสพรีเมี่ยมเอง ตามเรามาเลยค่ะ!!”
- Keikyu Tourist Information Center ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ทางเข้าสถานี ชั้น 2 โซนผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินฮาเนดะระหว่างประเทศ ตั้งแต่เวลา 07.00 ถึง 22.00 น.
- ฮอกไกโด (HOKKAIDO) 2 จุด
- อิบาระกิ (IBARAKI) 1 จุด
- กุนมะ (GUNMA) 1 จุด
- ไซตามะ(SAITAMA) 1 จุด
- จิบะ (CHIBA) 2 จุด
- กรุงโตเกียว (TOKYO) 29 จุด
- คานากาวะ (KANAGAWA) 9 จุด
- ชิซึโอกะ (SHIZUOKA) 1 จุด
- ไอจิ (AICHI) 2 จุด
- นิกาตะ (NIGATA) 1 จุด
- เกียวโต (KYOTO) 2 จุด
- โอซาก้า (OSAKA) 3 จุด
- โอคายามะ (OKAYAMA) 1 จุด
- ฮิโรชิมะ (HIIROSHIMA)1 จุด
- ฟุกุโอกะ (FUKUOKA) 4 จุด
- โอกินาวะ (OKINAWA) 1 จุด
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งที่อยู่ของสถานที่แจกรหัสพรีเมี่ยม รวมถึงเวลาให้บริการอย่างละเอียดได้ที่ Premium Code Locations
สำหรับใครที่เคยคิดว่า “ของฟรีไม่มีในโลก” คงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่แล้วล่ะค่ะ เพราะว่าของฟรีแถมยังดีอีกต่างหากยังมีเหลืออยู่ในโลกใบนี้จริงๆ ที่ “ญี่ปุ่น” ค่ะ กับแอพลิเคชั่นเดียวที่ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน มุมใดของประเทศญี่ปุ่น ก็สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ฟรีๆ ไม่มีเสียเงินอย่างแน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก: