เกาะฮอกไกโด แห่งประเทศญี่ปุ่น จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกและคนไทยชื่นชอบ หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ หรือเคยไป ทัวร์ฮอกไกโด กันมาแล้ว เพราะที่นี่ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย น่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็น ทัศนียภาพอันสวยงาม ที่ฉาบไปด้วยทุ่งหญ้าทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ อาหารรสชาติเยี่ยม อากาศบริสุทธิ์ ท้องฟ้าสวยใสปลอดโปร่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ของฮอกไกโดที่ทำให้ผู้คนต่างพากันตกหลุมรักได้ไม่ยาก
และแน่นอนว่า เกาะฮอกไกโด ได้กลายเป็นดินแดน Tourist-Friendly ที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย การสื่อสารข้อมูลภาษาอังกฤษ ทำให้ไม่มีอุปสรรคใด ๆ ต่อการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ แต่ครั้นจะแนะนำทุ่งดอกไม้ หรือที่เที่ยวยอดนิยมจุดเดิม ๆ ที่หลายคนอาจจะเคยไปมาแล้ว ก็เกรงว่าจะเบื่อกันก่อน บทความนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล เลยอยากจะพาทุกคนไปสัมผัสการท่องเที่ยวแบบ Unseen Hokkaido ไปรู้จักกับ ฮอกไกโดในมุมใหม่ ๆ เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวลับ ๆ แต่น่าหลงใหล พร้อมพิกัดชิค ๆ เหมาะกับไป ทัวร์ฮอกไกโด หลบความวุ่นวาย ใครเป็นสายฮิปสเตอร์ไม่ควรพลาด กับ 2 เมือง และ 7 พิกัดนี้เลย
คุชิโระ (Kushiro)
เมืองแห่งนกกระเรียนและม่านหมอก
เมืองคุชิโระ (Kushiro) อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฮอกไกโด มีอาณาเขตติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะ พื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าหายากและพืชพรรณนานาชนิด มีทัศนียภาพของพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นภาพในแบบ Unseen Hokkaido ที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในญี่ปุ่น นั่นทำให้คนญี่ปุ่นเองก็ตื่นตาตื่นใจ กับทัศนียภาพที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของพื้นที่ชุ่มน้ำเช่นกัน และเมืองนี้ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น Unseen ที่ทุกคนต้องถูกใจและอยากเดินทางมาเที่ยวชมซักครั้งให้ได้อย่างแน่นอน จะมีจุดท่องเที่ยวที่ไหนในเมืองคุชิโระที่น่าสนใจบ้าง มาดูกัน
1. พื้นที่ชุ่มน้ำคุชิโระ (Kushiro shitsugen / Kushiro Wetland)
แน่นอนว่าคุชิโระ เป็นที่รู้จักและโด่งดังจากการเป็น แหล่งดูนกกระเรียนมงกุฎแดง (Japanese Red Cranes) สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของญี่ปุ่น ดังนั้น จุดท่องเที่ยวแรกที่แนะนำว่าต้องไปเยือนก่อนเลยก็คือ พื้นที่ชุ่มน้ำคุชิโระ (Kushiro Wetland) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 นาทีโดยรถยนต์ ที่นี่เป็นอุทยานที่มีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
– การดูนกกระเรียนในฤดูหนาวที่จุดชมนกกระเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ เขตรักษาพันธุ์สึรุอิ-อิโตะ ทันโช (Tsurui-Ito Tancho Sanctuary)
– การชมวิวที่ หอสังเกตการณ์พื้นที่ชุ่มน้ำเขตเมืองคุชิโระ (Kushiro Marsh Observatory)
– การเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ และถ่ายรูปชิล ๆ ที่ ทางเดินไม้ ออนเนะไน (Onnenai Wooden Promenades)
– การล่องเรือแคนนู ตามแม่น้ำคุชิโระ จากทะเลสาบโทโร ( Lake Toro) ไปจนถึงโฮโซโอกะ (Hoso-oka)
– การเดินทางสุดพิเศษและแสนโรแมนติกด้วย รถไฟท่องเที่ยว “Kushiro Shitsugen Norokko Train” รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ ที่แล่นช้าที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งรถไฟสายนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะหน้าร้อน และหน้าหนาวเท่านั้น
** การเดินทางไปยังพื้นที่ชุ่มน้ำคุชิโระโดยตรงจากสนามบิน มีตัวเลือกเส้นทางเพียงแค่ แท็กซี่หรือเช่ารถรถยนต์เท่านั้น **
2. สะพานนุซามัย (Nusamai Bridge)
สะพานนุซามัย สะพานข้ามแม่น้ำคุชิโระ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยอดนิยม ริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาม จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่ดีที่สุดและที่สวยติดอันดับโลก จะสวยงามขนาดไหนอย่าเพิ่งเชื่อนะคะ เพราะต้องได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง และถัดจากสะพานนุซามัย ลองแวะที่ ศูนย์การค้า MOO เพื่อหาซื้ออาหารทะเลสด ๆ อร่อย ๆ ทานก่อนกลับ รวมทั้งแวะซื้อของฝากน่ารัก ๆ ขึ้นชื่อติดไม้ติดมือกันได้
3. เมืองฮามานากะ (Hamanaka)
อีกหนึ่งจุดหมายที่น่าสนใจ คือ เมืองฮามานากะ อยู่ห่างจากตัวเมืองคุชิโระโดยการขับรถยนต์ไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่เมืองนี้เป็นแหล่งผลิตนมคุณภาพดี ที่ถูกเลือกให้เป็นส่วนประกอบหลักของไอศกรีมระดับโลกอย่าง Haagen-Dazs ด้วยภูมิประเทศที่อยู่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีลมทะเลที่หอบเอาแร่ธาตุจากท้องทะเลมาถึงทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ พื้นดินจึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ และเป็นผลิตหญ้าคุณภาพดีเลี้ยงประชากรโคนมให้มีสุขภาพดีนั่นเอง
และที่เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ร้านฟาร์มดีไซน์ (Farm Design) สาขาแรกของโลก โดยที่นี่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และจุดชมวิวทุ่งหญ้าสีเขียวตัดกับสีฟ้าคราม ที่แต่งแต้มด้วยบรรดาน้องวัวนมสีขาวดำที่ฟาร์มเลี้ยงแบบปล่อย กำลังเล็มหญ้าด้วยความสบายใจ
นอกจากนี้ที่เมืองฮามานากะยังมี พื้นที่ชุ่มน้ำคิริทัปปุ (Kiritappu Wetland) ที่น่าสนใจและน่าไปเยือนไม่แพ้กัน ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่ง สวรรค์ของคนรักดอกไม้ โดยในแต่ละฤดู พืชพรรณนานาชนิด จะผลัดกันเบ่งบานเต็มพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง ให้ทุกคนได้ชื่นชมในบรรยากาศและอารมณ์ที่แตกต่างกันไป
การเดินทางในคุชิโระ
– สามารถเดินทางมายังเมืองคุชิโระ ด้วยการนั่งรถไฟ รถบัส หรือเครื่องบินจากซัปโปโร
– การเดินทางจากสนามบิน Tancho Kushiro ไปยังในเขตตัวเมืองคุชิโระ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีโดยรถบัส Akan
– การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองคุชิโระ สำหรับใครที่ขับรถเก่ง ๆ แนะนำให้ฟอร์มทีมแล้วเช่ารถขับ เพื่อจะได้เที่ยวได้หลาย ๆ ที่ เพราะแต่เมืองอยู่ค่อนข้างห่างกัน หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือการเช่ารถทัวร์
วัคกะไน (Wakkanai)
ดินแดนชายฝั่ง เหนือสุดขอบญี่ปุ่น
วัคกะไน (Wakkanai) เมืองเหนือสุดของ เกาะฮอกไกโด และจุดเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น เมืองแห่งการค้าและประวัติศาสตร์ ที่ตั้งอยู่ระหว่างญี่ปุ่นและรัสเซีย ทำให้เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้งวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ผสมผสานหลากหลาย แต่ทว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง แน่นอนว่าสำหรับเพื่อน ๆ สายฮิปสเตอร์หรือสายแอดเวนเจอร์ ที่มองหาเมืองน่าเที่ยวให้ฟีลธรรมชาติบริสุทธิ์ ใน เกาะฮอกไกโด ที่มีท้องทะเลและทุ่งหญ้าชายฝั่ง พร้อมพิกัดทางประวัติศาสตร์น่าสนใจ สวยและเงียบสงบ วัคกะไน คือเมืองที่ต้องปักหมุดเอาไว้เลย และนี่คือ 4 จุดไฮไลท์ในวัคกะไนที่พี่เห็ดอยากให้เพื่อน ๆ แวะไปให้ได้ซักครั้ง
1. แหลมโซยะ (Cape Soya) จุดเหนือสุดของญี่ปุ่น
ไฮไลท์แรกที่ทำให้การมาวัคกะไน คือ แหลมโซยะ (Cape Soya) อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญ และเป็นที่ตั้งของ สัญลักษณ์รูปทรงสามเหลี่ยม Monument of The Northernmost Point of Japan ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงว่า เราได้เดินทางมาถึง สุดเขตทิศเหนือของประเทศญี่ปุ่นแล้ว และในวันที่อากาศสดใส หากมองจากบริเวณชายฝั่ง เราสามารถเห็น เกาะซาฮาลิน (Sakhalin) เกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศรัสเซีย และสามารถนั่งเรือ Ferry ข้ามไปเที่ยวได้ด้วย
แหลมโซยะ มีบรรยากาศชายฝั่งที่เงียบสงบ สวยงาม เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูปชิล ๆ และมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบริเวณรอบ ๆ มากมาย เช่น ทุ่งหญ้าเนินโซยะ ที่มีกังหันลมสีขาวตั้งเรียงราย มี ฟาร์มวัวดำ ที่ถูกเลี้ยงในทุ่งหญ้า เพื่อผลิตเนื้อวัวดำคุณภาพดี และอย่าลืมแวะไปเก็บภาพฮิป ๆ สวย ๆ ที่ เส้นทางสายเปลือกหอยสีขาว (The Path of White Seashells) ถนนสีขาวยาว 2 กิโลเมตร ที่ตั้งอยู่สุดทางของเส้นทางเดินป่าเนินโซยะ ซึ่งทำมาจากขยะเปลือกหอยเชลล์บด ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาด
* การเดินทางไปแหลมโซยะ สามารถนั่งรถบัสไปได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที *
2. แนวโดมกั้นคลื่นฝั่งเหนือ (North Breakwater Dome Park)
แนวโดมกั้นคลื่นฝั่งเหนือ อ่าววัคกะไน อีกหนึ่งจุดไฮไลท์สุดชิค เป็นอุโมงค์กำแพงขนาดใหญ่ใช้กันคลื่นได้จริง มีความสูง 14 เมตร ทอดยาวกว่า 427 เมตร จุดเด่นของแนวโดมนี้ คือความสวยงามทางศิลป์ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีโครงสร้างและเสาแบบโรมันโบราณ ดูคล้ายกับวิหารกรีก แปลกตาตัดกับรรยากาศเมืองในญี่ปุ่น ที่นี่เพื่อน ๆ สามารถเดินมาได้อย่างสะดวก จากสถานีวัคกะไน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
นอกจากนั้น ที่นี่ยังได้รับความนิยมในการใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายทำโฆษณา และภาพยนตร์ ช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับมาเก็บภาพสวย ๆ คือ ช่วงเช้า หรือบ่ายแก่ ๆ มีแสงแดดลอดเข้าภายในโดมจะยิ่งสวย และในตอนกลางคืน ตัวโดมจะมีการประดับไประยิบระยับ และหากใครที่มาเที่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการจุดเทียนหิมะ จะได้บรรยากาศสวยงาม น่าประทับใจ และโรแมนติกมาก ๆ
3. ตลาดฟุคุโกะ (Fukuko Market)
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจและควรแวะมาซักหน่อย ก็คือ ตลาดฟุคุโกะ ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของสถานีวักกะไน ประมาณ 1 กิโลเมตร ท่าเรือประมงที่มีประวัติมายาวนาน และยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีเรือลากอวนลากเพียง 6 ลำเท่านั้น โดยตัวตลาด แบ่งออกเป็นหลายส่วน ที่ใหญ่ที่สุดคือ ตลาดสินค้าท้องถิ่น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อของฝากหรือของที่ระลึก แนะนำมามาที่นี่ได้ เพราะมีทั้ง อาหารทะเลสดอย่าง เม่นทะเล ปู หอย สาหร่าย สามารถซื้อและมีบริการจัดส่งแบบแช่เย็นได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้น บนชั้น 2 ของตลาดฟุคุโกะ ยังเป็น ออนเซ็น สำหรับอาบน้ำพุร้อนกลางแจ้ง พร้อมวิวท่าเรือ ที่ให้ประสบการณ์การอาบน้ำที่แปลกและไม่เหมือนใคร เพราะน้ำพุร้อนของที่นี่ จะมีกลิ่นคล้ายน้ำมันเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นน้ำมันที่ดีสำหรับผิว
4. สวนสาธารณะโซยะฟุเรไอ (Soya Fureai Park)
พิกัดที่แนะนำว่า สายแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาด นั่นคือ ฮอกไกโดริทสึ โซยะ ฟุเรไอ พาร์ค (Hokkaidoritsu Soya Fureai Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเมือง ที่กว้างกว่า 650,000 ตารางเมตร ภายในสวนแบ่งเป็นหลายโซน เช่น โซนกีฬาสนามกอล์ฟ โซนศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กเล็ก มุมปิ้งย่างบาร์บีคิว โซนสำหรับตั้งแคมป์-แคมป์ปิ้งคาร์ โซนสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง โซนหอชมวิว และบ้านพักสไตล์ลอดจ์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีอุปกรณ์ตั้งแคมป์ ที่นี่มีอุปกรณ์จำเป็นให้เช่าได้ด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ soyafureaikoen.com)
สวนแห่งโซยะ เปิดให้เข้าใช้บริการได้ตลอดทั้งปี สำหรับคนที่ต้องการมาแคมป์ปิ้ง สามารถมาได้ช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงปลายเดือนกันยายนของทุกปี ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง ส่วนช่วงฤดูหนาวจะได้สัมผัสประสบการณ์กีฬาหิมะ เช่น เจ็ตสกีหิมะ ล่องแก่งหิมะ และสไลด์เดอร์น้ำแข็ง แต่มีบางส่วนที่ปิดให้บริการช่วงฤดูหนาว
นอกจากพิกัดเด่น ๆ ที่เราแนะนำไปแล้ว หากใครมีเวลาอยู่ในเมืองวัคคะไนหลายวัน ก็ยังมีกิจกรรมที่แนะนำให้ทำอีกมากมาย เช่น ปั่นจักรยานชมเมือง ลองทานอาหารรัสเซีย หรืออาหารทะเลร้านท้องถิ่น และขับรถชมบรรยากาศเลียบชายฝั่งวัคกะไนตะวันตก เล่นกีฬาฤดูหนาว หรือแวะเที่ยว ทะเลสาบโอนุมะ (Onuma Lake) ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย
การเดินทางไปยังวัคกะไน
– จากสนามบินโตเกียวฮาเนดะ และสนามบินนิวชิโตเสะ (ซัปโปโร) ไปยังสนามบินวัคกะไน และใช้เวลาประมาณ 20 นาที นั่งรถแท็กซี่จากสนามบินวัคกะไนไปยังตัวเมืองวัคกะไน หรือใช้รถโดยสารประจำทาง ที่วิ่งทุก ๆ 30 นาที
– ทางรถไฟ จากซัปโปโร JR Limited Express Super Soya ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง และ Limited Express Super Sarobetsu ระยะเวลา 5 ชั่วโมง 20 นาที ให้บริการไปกลับทั้งหมด 3 เที่ยวต่อวัน ระหว่างซัปโปโรและวักกะไน หรือ นั่งรถไฟจากเมืองอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
– โดยรถบัสประจำทาง มีทั้งจากซัปโปโรและอาซาฮิคาวะ สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของรถบัสที่ให้บริการ
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับ 7 พิกัด unseen ใน 2 เมืองลับน่าเที่ยวของ เกาะฮอกไกโด หากเพื่อน ๆ ที่เบื่อเที่ยวเมืองหลวง หรือเมืองใหญ่ อยากไป ทัวร์ฮอกไกโด ที่คนไม่วุ่นวาย แนะนำให้ปักหมุดตามพิกัดที่เราแนะนำไป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน