เที่ยวเวโรนา เมืองสุดโรแมนติกแห่งอิตาลี ตามรอยโรมิโอจูเลียต
ใครเป็นแฟนวรรณกรรมโรมิโอและจูเลียตมาติดตามบทความนี้ด้วยกันเลยค่ะ เพราะครั้งนี้ มัชรูมทราเวล จะพาไป ทัวร์อิตาลี สัมผัสบรรยากาศ เมืองเวโรนา เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกและบรรยากาศอย่างในเรื่อง ถ้าพร้อมแล้วเราไป เที่ยวเวโรนา กันเลย แล้วจะตกหลุมรักได้ไม่ยาก
เวโรนา เมืองเล็กๆ ในแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การ UNESCO มีสมญานามว่า “Little Roman” โดยยังคงสภาพสถาปัตยกรรมจากสมัยโรมันไว้อย่างสมบูรณ์ ปัจจุบันเมืองเวโรนาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางศิลปะ และวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ยังมีให้เห็นในงานนิทรรศการประจำปี โรงละคร และโอเปร่าในโรงละครกลางแจ้งที่มีมาแต่โบราณ ทำให้เมืองนี้เป็นต้นกำเนิดผลงานปลายปากกาของวิลเลียม เชกสเปียร์ โดยเฉพาะโศกนาฏกรรมตำนานรักอมตะของโรมิโอจูเลียต ที่คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของความรักตลบอบอวลไปทั้งเมือง ใครที่ชอบความโรแมนติกของนิยายรักเรื่องนี้ ต้องไม่พลาด เที่ยวเวโรนา นะคะ รับรองว่า ทัวร์อิตาลี ครั้งนี้ของคุณจะได้ความประทับใจกลับไปแน่นอน
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะแก่การ เที่ยวเวโรนา ถ้าคุณชอบอากาศที่กำลังดี ไม่ร้อน แนะนำว่าให้ไปช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ไม่มีฝน แต่ถ้าชอบอากาศร้อน ใส่เสื้อผ้าสบายๆ แนะนำให้ไปเดือนกรกฎาคม แต่ถ้าชอบอากาศเย็นกว่าปกติหน่อย ไม่ถึงกับหนาวมาก เดือนพฤศจิกายนเหมาะมากเลยค่ะ นอกจากนั้นส่วนมากฝนจะตก และจะมีหิมะตกในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
เอาล่ะค่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่า เวโรนา มีสถานที่ใดให้เราได้เที่ยวกันบ้าง
Casa di Giulietta (Juliet’s house)
Casa di Giulietta หรือ บ้านของจูเลียต ตั้งอยู่ที่ถนน Via Cappello จริงๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านของตระกูลเดลคาเปลโล (Dell Capello) ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลคาปูเล็ตของจูเลียตในนิยายแม้แต่น้อย แต่วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีเอกของโลก ได้หยิบเอามาเป็นฉากในนิยาย ให้เราได้จินตนาการกัน
โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยว คู่รัก หนุ่มสาวจำนวนมากที่แวะเวียนไปถ่ายรูปที่ระเบียงบ้านหลังนี้ บริเวณกำแพงของบ้านเต็มไปด้วยข้อความบอกรัก และคำอธิษฐานเกี่ยวกับความรักเขียนทับกันไปมาจนแทบไม่เห็นพื้นผิวกำแพงเดิม และนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนจะต้องมุ่งไปยังรูปปั้นจูเลียต เพื่อเอามือไปลูบหน้าอกด้านซ้ายแล้วอธิษฐานขอให้รักสมหวังยั่งยืน และยังมีกิจกรรมที่ฮิตไม่แพ้กันนั่นก็คือ การขึ้นไปยืนบนระเบียงหินอ่อนเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่จูเลียตเคยยืนโดยมีโรมิโอมาคอยเฝ้าขอความรัก
นอกจากนี้ภายในบ้านมีส่วนที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์จำลองขึ้นให้เหมือนเป็นบ้านของจูเลียตจริงๆ ใครมา เที่ยวเวโรนา แล้วไม่ได้มาเยือนบ้านจูเลียต ถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ
เวลาเปิด-ปิด : จ. 13.30 – 19.30 น. / อ.-อา. 8.30 – 19.30 น.
ค่าเข้าชม : 6 ยูโร
พิกัด :
Arena di Verona
Arena di Verona สเตเดี้ยมของเมืองเวโรนา ตั้งอยู่ภายในบริเวณ Piazza Bra เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะโรมันโบราณอายุกว่า 2,000 ปี สามารถจุคนได้กว่า 15,000 คน มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 สเตเดี้ยมของอิตาลี ปัจจุบันยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต โอเปร่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวโรนาเลยก็ว่าได้ค่ะ ไหนๆ ก็มีโอกาสมาแล้ว แวะชมการแสดงสักรอบเพื่อสัมผัสบรรยากาศดูนะคะ
เวลาเปิด-ปิด : จ. 13.30 – 19.30 น. / อ.-อา. 8.30 – 19.30 น.
ค่าเข้าชม : 10 ยูโร
พิกัด :
Piazza delle Erbe
อีกหนึ่งจัตุรัสในเมืองเวโรนา ที่มีลานตลาดนัดเล็กๆ ขายของฝาก มีทั้งหน้ากากหลากหลายแบบ เส้นพาสต้า และของที่ระลึกต่างๆ ในราคานักท่องเที่ยว แต่สามารถต่อราคาได้ ใครที่เป็นนักช้อปตัวยงชอบต่อราคาลองต่อดูค่ะ นอกจากนี้ที่จัตุรัส Piazza delle Erbe ยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังประวัติศาสตร์แห่งเวโรนา หรือ Palazzo Maffei และมีหอคอยให้ขึ้นไปชมวิวได้ด้วยเรียกว่า Torre dei Lamberti หรือ Lamberti Tower
เวลาเปิด-ปิด : 9.00 – 23.00 น.
พิกัด :
Torre dei Lamberti (Lamberti Tower)
Torre dei Lamberti หรือ หอคอยแลมเบอร์ติ เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณจัตุรัส Piazza delle Erbe โดยเราสามารถมองเห็นวิวของเมืองเวโรนาทั้งเมือง ในอดีตหอคอยแห่งนี้ใช้สำหรับสังเกตการณ์และเตือนภัยในยุคที่มีสงคราม ซึ่งการขึ้นไปบนหอคอยต้องขึ้นลิฟต์ประมาณ 7 ชั้นและเดินขึ้นบันไดต่อไปอีก 2 ชั้น ซึ่งด้านบนจะมีระฆังเหล็กขนาดยักษ์ส่งเสียงดังกังวานทุกครึ่งชั่วโมง
เวลาเปิด-ปิด : 9.00 – 23.00 น.
ค่าเข้าชม : 5 ยูโร
พิกัด :
Ponte di Castelvecchio (Castelvecchio Bridge)
เดินออกมาจากใจกลางเมืองอีกนิดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เที่ยวเวโรนา ด้วยการขึ้นไปชมวิวริมฝั่งแม่น้ำบนสะพาน Castelvecchio ที่เชื่อมต่อมาจากบริเวณของ ปราสาท Castelvecchio ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม (มีค่าเข้าชม) และมีสวนเล็กๆ บริเวณด้านข้างให้เราได้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจ โดยสะพานนี้ถูกสร้างด้วยอิฐแดงตามศิลปะยุคโรมัน แนะนำว่าให้มาช่วงโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นอกจากจะได้ชมบรรยากาศที่สวยงามแล้ว ผู้คนยังไม่พลุกพล่านเหมือนตอนช่วงกลางวันอีกด้วยค่ะ
เวลาเปิด-ปิด : จ. 13.30 – 19.30 น. / อ.-อา. 8.30 – 19.30 น.
ค่าเข้าชม : พิพิธภัณฑ์ 10 ยูโร / สะพานและสวนเข้าชมได้ฟรี
พิกัด :
Via Mazzini
ปิดท้ายทริป ทัวร์อิตาลี เที่ยวเวโรนา ด้วยการพาขาช้อปทั้งหลาย ไปช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมกันที่ถนนคนเดิน Via Mazzini ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างจัตุรัส Piazza Bra กับจัตุรัส Piazza delle Erbe สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย อาทิ Mont Blanc, Burberry, Benetton, Prada, Louis Vuitton, Ralph Lauren, Swarovski, Bvlgari, Gucci, Givenchy, Valentino, MaxMara และ Sisley ที่จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ฯลฯ สวรรค์ของนักช้อปเช่นคุณแท้ๆ เลยล่ะ นอกจากนี้ยังมีบรรดาศิลปินเปิดหมวกที่มาสร้างสีสันให้กับถนนคนเดินแห่งนี้อยู่เป็นประจำอีกด้วยค่ะ
เวลาเปิด-ปิด : จ. 13.30 – 19.30 น. / อ.-อา. 8.30 – 19.30 น.
พิกัด :