เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงมีความฝันอยากจะเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปเที่ยว เรียน หรือทำงาน ออกไปหาประสบการณ์ใช้ชีวิตในต่างแดนดูบ้างว่าจะเป็นอย่างไร วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล มีอีกหนึ่งโครงการดี ๆ มาแนะนำ นั่นก็คือ Work and Holiday ของประเทศออสเตรเลีย หรือ ที่เรียกกันว่า WAH ซึ่งเป็นวีซ่าที่ให้เราได้ทั้งเรียน เที่ยว และทำงาน ได้อย่างถูกต้อง ภายในระยะเวลา 1 ปี ใครอยากรู้ว่าจะมีกฎเกณฑ์ ขั้นตอน กำหนดการสมัคร ปี 2566 และเอกสารที่ต้องใช้ยังไงบ้าง พี่เห็ด มัชรูมทราเวล รวบรวมมาให้ที่นี่แล้วจ้าาา
วีซ่า Work and Holiday ประเทศออสเตรเลีย คืออะไร?
ก่อนอื่นอยากให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของ วีซ่า Work and Holiday ออสเตรเลียกันค่ะ โครงการนี้ถูกจัดตั้งขึ้น โดยความร่วมมือของรัฐบาลไทย และรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทย ที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี สามารถเดินทางไปศึกษา ท่องเที่ยว พร้อมทำงานในประเทศออสเตรเลีย ได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งข้อตกลงนี้ มีขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2005 ซึ่งโดยปกติจะมีโควตาประเภทนี้อยู่ที่ 500 คนต่อปีงบประมาณ แต่ปัจจุบันให้โควตาปีละ 2,000 คนเลยทีเดียว
Tips : ผู้สมัคร วีซ่าออสเตรเลีย ประเภทนี้ สามารถทำงานกับนายจ้างแต่ละแห่งได้นานสุดไม่เกิน 6 เดือน ถ้าทำงานถึง 6 เดือนแล้วจะต้องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ นอกจากนี้ผู้สมัครจะต้องมีหลักฐานว่า มีเงินเพียงพอในกรณีไม่มีงานทำ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลียได้โดยไม่ลำบากอะไร
คุณสมบัติของผู้สมัคร
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี (ไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ยื่นวีซ่ากับทางสถานทูตฯ)
3. สำเร็จการศึกษา ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป
4. มีหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ อย่างใดอย่างหนึ่ง ผลการสอบต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปี (ใช้วันที่เข้าสอบเป็นเกณฑ์) ตามรายการดังนี้
– ผลการสอบ IELTS รวมทุกทักษะ (over all) ไม่ต่ำกว่า 4.5
– TOEFL iBT รวมทุกทักษะ (over all) ไม่ต่ำกว่า 32
– PTE Academic รวมทุกทักษะ (over all) ไม่ต่ำกว่า 30
– Cambridge English: CAE รวมทุกทักษะ (over all) ไม่ต่ำกว่า 147
– ใบแสดงวุฒิการศึกษาและใบแสดงผลการเรียนระดับปริญญาบัตร หรือ ประกาศนียบัตรจากประเทศออสเตรเลีย หลักสูตร 1 ปี
– ใบแสดงวุฒิการศึกษาและใบแสดงผลการเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรีขึ้นไป หลักสูตรเต็มเวลาที่ใช้ภาษาอังกฤษ ระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี
– ใบแสดงวุฒิการศึกษา และ ใบแสดงผลการเรียนระดับมัยมศึกษา หลักสูตรที่ใช้ภาษาอังกฤษ ระยะเวลา 5 ปี
– ใบเสดงวุฒิการศึกษา และ ใบแสดงผลการเรียน ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น และหลักสูตรที่ใช้ภาษาอังกฤษ
5. ต้องเดินทางคนเดียว (ไม่มีผู้ติดตาม)
6. มีหลักฐานการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ (ของผู้สมัครเอง) เป็นจำนวน 5,000 AUD หรือประมาณ 120,000 บาทไทย
7. มีความประพฤติและสุขภาพดี
8. มีหนังสือรับรองคุณสมบัติ ซึ่งออกให้โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้ การสมัครขอรับหนังสือรับรองคุณสมบัติดังกล่าว ผู้สมัครจะต้องยื่นเอกสารสำคัญ ดังนี้
– ใบสมัคร (พิมพ์มาจากการสมัครผ่านทางระบบออนไลน์)
– ปริญญาบัตร หรือ หนังสือรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด โดยเอกสารต้องออกก่อนวันที่เปิดรับสมัครออนไลน์
– ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
– หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
– บัตรประจำตัวประชาชน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
– ทะเบียนบ้าน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
– หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษดังกล่าวข้างต้น*
– หลักฐานการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ (ของผู้สมัครเอง) จำนวน 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็น Bank Statement หรือใบรับรองทางการเงินของบัญชีเงินฝากจากธนาคาร โดยชื่อบัญชีจะต้องเป็นชื่อของผู้เดินทางเท่านั้น
– แผนการเดินทางโดยคร่าว ๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ออสเตรเลีย (เขียนสรุปไม่เกิน 1 หน้า เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ)
– บันทึกข้อตกลงที่ผู้ปกครองลงนามเรียบร้อยแล้ว
– สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนผู้ปกครอง
ข้อควรทราบเพิ่มเติมจากทาง ดย.
– ห้ามทำการสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านบริษัทนายหน้าที่รับเป็นตัวกลางทำการสมัคร และ / หรือจัดหาที่อยู่ให้เด็ดขาด เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ และอาจทำให้ไม่ได้รับวีซ่า รวมทั้งอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพได้
– วีซ่าประเภทนี้ ไม่ใช่วีซ่าทำงาน ดังนั้น หากพบว่าทำงานประจำ ณ ที่ใดเกินกว่า 6 เดือน จะถือว่าได้ทำผิดกฎหมาย อาจถูกถอนวีซ่าและถูกส่งกลับประเทศได้
– หากตรวจสอบพบว่าผู้สมัครมีเจตนากรอกข้อมูลเท็จ ดย. จะตัดสิทธิ์ผู้สมัครทันที
– การมีใบรับรองคุณสมบัติไม่ได้หมายความว่าวีซ่าจะผ่าน แต่การยื่นขอวีซ่าได้จะต้องมีใบรับรองจากทาง ดย.ก่อน
– การพิจารณาวีซ่าขึ้นอยู่กับทางสถานทูตออสเตรเลียเท่านั้น
เอกสารที่ต้องใช้ยื่นประกอบ วีซ่า Work and Holiday
เอกสารส่วนตัว
– พาสปอร์ตตัวจริง (รวมถึงพาสปอร์ตเล่มเก่าๆ ถ้ามี รวมถึงประวัติการเดินทาง) อายุพาสปอร์ตต้องเหลือมากกว่า 6 เดือน (สแกนหน้าแรกและหน้าที่มีตราประทับเดินทางทุกหน้า)
– รูปถ่ายหน้าตรง ใบหน้าชัดเจน พื้นหลังสีขาว ขนาด 4.5 x 3.5 cm ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
– สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานทางราชการต่างๆ เช่น สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล / สำเนาทะเบียนสมรส – หย่า (พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือเรียน รด. (สำหรับผู้ชายพร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานการศึกษา Transcript และใบรับรองจบปริญญาบัตร (หากเป็นภาษาไทยต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานการผ่านงาน ในกรณีที่ผ่านการทำงานมาแล้ว (หากเป็นภาษาไทยต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เช่น ผลการสอบ IELTS / TOEFL หรือใบรับรองผลการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ
– หนังสือรับรองคุณสมบัติจาก กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.)
Tips : ในการยื่นขอวีซ่าออสเตรเลีย ควรแนบ หลักฐานการทำงาน ไปด้วย เพราะจะแสดงให้เห็นถึงประวัติของเราว่าทำงานอะไรมาบ้างค่ะ
ในกรณี Sponsor ตัวเอง
– หลักฐานการเงิน ในการยื่นเอกสารกับทางสถานฑูตออสเตรเลีย (เอกสารที่แนะนำให้แนบไปด้วยเลยคือ Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือนของผู้เดินทางหรือของสปอนเซอร์ไม่น้อยกว่า 5,000 AUD)
– จดหมายชี้แจงเรื่องหลักฐานการเงิน ในกรณีที่มียอดเงินเข้ามาไม่นาน หรือไม่ถึง 6 เดือน
ในกรณี Sponsor โดยบุคคลอื่น
– จดหมายรับรองค่าใช้จ่าย (เขียนเป็นภาษาอังกฤษพร้อมเซ็นรับรอง)
– เอกสารส่วนตัวของ Sponsor เช่น สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาหน้าพาสปอร์ต
– หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน / สำเนาทะเบียนสมรส / สำเนาสูติบัตร พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ
– หลักฐานการเงิน (Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ของผู้เดินทางหรือของสปอนเซอร์ไม่น้อยกว่า 5,000 AUD)
– จดหมายชี้แจงเรื่องหลักฐานการเงิน ในกรณีที่มียอดเงินเข้ามาไม่นาน หรือไม่ถึง 6 เดือน
Tips : ทางสถานทูต จะขอดู ที่มาของเงิน ในช่วง 6 เดือนก่อนยื่นวีซ่า หากมีเงินก้อนใหญ่เข้ามาทีเดียว เราต้องสามารถอธิบายแหล่งที่มาของเงินนั้นให้ได้ พร้อมแนบหลักฐานด้วย เช่น จดหมายจากบุคคลที่โอนเงินเข้ามาให้เราว่าโอนให้เพราะอะไร อย่างไร แสดงที่มาของเงินเข้า-ออก และมีความสัมพันธ์อะไรกับเรา เป็นต้น
กำหนดการรับสมัคร Work and Holiday ออสเตรเลีย 2023
กำหนดการลงทะเบียนและสมัครขอใบรับรองออนไลน์ – รอบแรก
15 – 22 มิถุนายน 2566 : เปิดลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับ Username และ Password สำหรับใช้ Log in เข้าระบบในวันกดโควตา เปิดรับทั้งหมด 4,000 คน วันละ 500 คน ทางเว็บไซต์ http://www.dcy.go.th/ เวลา 09.00 – 16.00 น.
26 มิถุนายน 2566 : ทดสอบระบบสมัครออนไลน์ เวลา 09.00 – 16.00 น. หรือปิดระบบเมื่อครบจำนวน (ไม่บังคับ)
30 มิถุนายน 2566 : กดโควตาจริง เวลา 09.00 – 16.00 น. หรือปิดระบบเมื่อครบจำนวน โควตา 2,000 คน สำรอง 300 คน
7 กรกฏาคม 2566 : ประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อพิจารณาเอกสาร
7 – 20 กรกฎาคม 2566 : ผู้ได้รับโควตา 2,000 คน และสำรอง 300 คน ส่งเอกสารผ่านทาง Google Form ภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เวลา 12.00 น.
3 – 18 สิงหาคม 2566 : ตรวจเอกสารพิจารณาคุณสมบัติ
31 สิงหาคม 2566 : ประกาศผลการพิจารณา 2,000 คน ผ่านทางระบบออนไลน์, ออกหนังสือรับรอง (มีอายุการใช้งาน 90 วัน), ผู้ผ่านคุณสมบัติ มารับหนังสือรับรองด้วยตนเอง กำหนด 3 วันทำการ ณ ชั้น 1 อาคารกระทรวง พม.
ที่มา : กรมกิจการเด็กเเละเยาวชน
รายละเอียดและขั้นตอนในการยื่นขอวีซ่า Work and Holiday
ก่อนสมัครขอใบรับรองได้จะต้องลงทะเบียนรับ Username และ Password ก่อน โดยผู้ลงทะเบียนจะต้องเตรียมข้อมูลเพื่อกรอกในขั้นตอนลงทะเบียน ดังนี้
- ไฟล์รูปถ่ายหน้าตรง (แนะนำให้ใช้รูปแบบเดียวกับที่จะใช้สมัครวีซ่า)
- เลขบัตรประจำตัวประชาชน
- ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทยและอังกฤษ)
- อีเมล
**ต้องเช็กข้อมูลให้ถูกต้องก่อนคอนเฟิร์มทุกครั้ง**
ข้อมูลประกอบการสมัครผ่านระบบออนไลน์ (กดโควตา)
– หลังจากได้รับ Username และ Password แล้วต้องนำมาล็อคอินสำหรับสมัครขอใบรับรองในเว็บไซต์ www.dcy.go.th ตามวันและเวลาที่ระบุไว้
– เมื่อล็อคอินเข้ามาจะขึ้นรูปถ่ายพร้อมข้อมูลตามที่เคยลงทะเบียนไว้ ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในส่วนนี้ได้แล้ว
– จากนั้นให้นำข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ กรอกในใบสมัครออนไลน์ให้ครบทุกช่อง (ถ้ากรอกไม่ครบจะไม่สามารถกด Submit ได้) และเช็กความถูกต้องให้เรียบร้อยก่อนกดส่ง
- เลขประจำตัวประชาชน
- ชื่อ-สกุล (ภาษาไทยและอังกฤษ)
- วัน เดือน ปีเกิด
- ที่อยู่ตามบัตรประชาชน
- ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวก พร้อมเบอร์โทรศัพท์มือถือ และ E-mail
- ข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ (IELTS)
- ข้อมูลบุคคลติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
* หลักฐานและข้อมูลที่ต้องเตรียมในการขอใบรับรองคุณสมบัติจาก ดย. จะคล้าย ๆ กับเอกสารที่เราต้องไปยื่นตอนขอวีซ่านะคะ
สำหรับ วีซ่า Work and Holiday ประเทศออสเตรเลีย สามารถขอได้เลยหลังจากที่ได้รับใบรับรอง เพราะทางสถานทูตออสเตรเลียเริ่มนับโควตาใหม่ทุกวันที่ 1 ก.ค. ของทุกปี แต่ใบรับรองของดย. จะหมดอายุภายใน 3 เดือนหลังจากได้รับมา จึงควรต้องรีบขอวีซ่า (ค่าวีซ่าประมาณ 495 AUD) โดยเราสามารถไปกรอก วีซ่าออสเตรเลีย ออนไลน์ได้ที่ https://immi.homeaffairs.gov.au/ เมื่อกรอกพร้อมชำระค่าวีซ่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องไปเก็บลายนิ้วมือที่ VFS (ค่าบริการของ VFS ประมาณ 734 บาท) จากนั้นก็รอผลวีซ่าได้เลย และต้องขอย้ำว่า **การได้รับใบรับรองไม่ได้แปลว่าได้วีซ่านะคะ**
ค่าใช้จ่าย ในการทำวีซ่า Work and Holiday
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเข้าร่วมโครงการ Work and holiday พี่เห็ดจะแยกออกเป็น 2 ส่วนนะคะ
ค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัว :
– ค่าวีซ่าโดยประมาณ 12,000 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรเช็ก ณ วันที่ยื่นวีซ่า Work and Holiday อีกครั้ง)
– ค่าสอบ IELTS 6,900 – 7,500 (ยกเว้นคนที่จบอินเตอร์)
– ค่าตรวจสุขภาพ 3,000 – 5,000 บาท (ตามที่โรงพยาบาลกำหนด)
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว :
– ค่าตั๋วเครื่องบิน 12,000 – 35,000 บาท (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาบิน และสายการบินนั้นๆ)
– ค่าประกันการเดินทาง 9,000 – 30,000 บาท (ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์และแผนที่เลือกทำ)
– Pocket money 25,000 – 45,000 บาท (สำหรับที่พักและค่าเดินทางในช่วงแรก)
เห็นแบบนี้แล้วมีเพื่อน ๆ คนไหนสนใจเดินทางไปหาประสบการณ์ดี ๆ กับ โครงการ Work and Holiday นี้บ้างไหมคะ พี่เห็ดชักอยากไปบ้างแล้วสิ อย่างไรก็ตาม ในการยื่นเอกสารเกี่ยวกับวีซ่า ไม่ว่าจะเป็น วีซ่าออสเตรเลีย หรือวีซ่าประเทศอื่น ๆ ควรศึกษาและอัปเดตข้อมูลก่อนการยื่นทุกครั้ง เพื่อจะได้เตรียมให้ครบและถูกต้อง ตามกระบวนการที่แต่ละสถานทูตได้กำหนดมา
และนี่ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ที่พี่เห็ดนำมาฝากทุกคน เกี่ยวกับวีซ่าที่สามารถให้ได้ทั้งการท่องเที่ยว และทำงานในต่างประเทศ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ สำหรับใครที่อยากไปทำงานในต่างประเทศในระยะสั้น เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ถ้าใครสนใจก็รอติดตามการอัปเดตในปีต่อ ๆ ไป พร้อมเมื่อไหร่ก็สมัครกันได้เลย