@MushroomTravel
“แก ฉันอยากไปไต้หวัน”
“แกๆ ไปไต้หวันกันเหอะ”
“แก๊ ไต้หวันน่าไปอ่ะ ไปกันเหอะน้าาา นะแกนะ”
นี่คือประโยคที่เพื่อนสาวเฝ้าเพียรคะยั้นคะยอฉันมาตั้งแต่ปีก่อนจนกระทั่งผ่านปีใหม่มาเกือบสองเดือนแล้ว ทั้งๆ ที่คำตอบทุกครั้งที่นางได้จะเหมือนเดิมเสมอ นั่นคือ “ไม่” เพียงคำเดียวสั้นๆ แต่เพื่อนสาวตัวดีกลับไม่ยอมแพ้ ยังขยันแชร์กระทู้รีวิวไต้หวันมายิกๆ จนเต็มเฟซบุ๊ค เพื่อจะเปลี่ยนใจคนอย่างฉันให้เห็นดีเห็นงามไปกับนางด้วย ซึ่งในความคิดของฉัน ทำไมพวกเราต้องไปไต้หวันล่ะ ไปที่อื่นดีกว่าไหม ที่ๆ ไม่ต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยาก ที่ๆ เราคุ้นชินกับสถานที่เหล่านั้นจากสื่อต่างๆ อยู่เสมอ เพราะการไปไต้หวันนอกจากจะต้องยุ่งยากขอวีซ่าแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือฉันแทบไม่รู้จักอะไรที่เกี่ยวกับไต้หวันเลย แถมภาษาจีนก็ยังไม่กระดิกหูอีกด้วย
แต่ก็นั่นแหละ เพราะคำรบเร้าของเพื่อนสาวที่เป่าหูแทบจะทุกครั้งที่เจอหน้า จึงทำให้ฉันตกปากรับคำกับนางว่าจะลองหาข้อมูลเกี่ยวกับไต้หวันดูสักที ส่วนเรื่องจะไปหรือไม่นั้น คงต้องดูที่กระเป๋าสตางค์เสียก่อน หุหุหุ
ทำไม ต้องไปที่ ไต้หวัน ?!!
เกาะไต้หวัน ประเทศซึ่งมีสภาพเป็นเกาะเล็กๆ ที่ได้ชื่อว่ามีวัฒนธรรมที่หลากหลาย เต็มไปด้วยเมนูอาหารที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีน้ำพุร้อนระดับโลก แถมยังมีทัศนียภาพที่งดงามอีกต่างหาก แต่หลายๆ ปีที่ผ่านมา เรารู้จักไต้หวันแค่ในเรื่องของภาพยนตร์จีนกำลังภายใน หรืออดีตบอยแบนด์ชื่อดังอย่าง F4 ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นเรียกว่าแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไต้หวันเลย จนกระทั่งกระแสการท่องเที่ยวไต้หวันที่เริ่มเข้ามาสู่เมืองไทยทีละนิดๆ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าไต้หวันมีตึกที่สูงระดับโลกคือไทเป 101 แล้วนอกเหนือจากนี้ล่ะ??
ทัศนียภาพ
ในเรื่องของทัศนียภาพ อาจเรียกได้ว่าไต้หวันเป็นสรวงสวรรค์ของผู้ที่รักการถ่ายภาพก็คงไม่ผิดนัก ด้วยภูมิประเทศส่วนใหญ่นั้นประกอบไปด้วยเทือกเขาที่ยาวเหยียด โดยเฉพาะภูเขายวี่ซันหรือภูเขาหยก (Jade Mountain) ที่ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะดึงดูดให้ช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นต้องรัวกล้องถ่ายภาพคู่กายมิได้หยุดหย่อน ซึ่งจุดที่สมบูรณ์ที่สุดในการจับภาพสวยๆ ก็คือบริเวณยอดเขายวี่ซันที่จะมองเห็นทะเลเมฆที่ลอยระเรี่ยในยามเช้าได้อย่างชัดเจน
ส่วนอีกที่ซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กัน คือชายหาดเย่หลิวที่นอกจากจะมีหินรูปทรงแปลกๆ ให้ได้ถ่ายรูปกันอย่างจุใจแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดเล่นวินเซิร์ฟที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย และอีกแห่งที่เห็นแล้วเป็นต้องร้องว้าว!! ก็คือถนนเส้นเล็กๆ ที่ตัดผ่ากลางระหว่างเทือกเขาและเลาะเลียบไปตามฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อย่าง Taiwan’s East Coast Highway ที่หลายๆ คนต่างยกย่องให้ที่นี่เป็นจุดที่สวยที่สุดในเอเชียตะวันออกสำหรับการขี่จักรยานชมวิวสวยๆ ในยามเย็น
อาหารการกิน
ไต้หวันได้รับมรดกตกทอดเรื่องของการทำอาหารมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่รูปร่างหน้าตาภายนอกเท่านั้น เนื่องจากตอนที่พวกเขาโยกย้ายถิ่นฐานจากจีนเพื่อมาตั้งรกรากในไต้หวันนั้น พวกเขาได้นำสูตรและรูปแบบการปรุงอาหารจากจีนมาผสมผสานกับเครื่องปรุงและประเพณีการทำอาหารของชนพื้นเมือง และเจ้าผู้ครองเกาะซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นถึง 50 ปี จนกลายเป็นอาหารเมนูใหม่ซึ่งมีรสชาติอันแตกต่าง โดยเมนูนี้ประกอบไปด้วยอาหารทะเล มันเทศ เผือก และผักสีเขียว เป็นการประกอบอาหารง่ายๆ อันเป็นหัวใจหลักของชาวไต้หวัน จนกลายเป็นเมนูยอดนิยมริมถนน แผงลอย และตลาดกลางคืนที่ผู้คนต่างชื่นชอบ ทั้งนี้ย่านอาหารที่ท้าทายนักกินตัวยงก็คือตามตลาดท้องถิ่นกลางคืนทั่วไปที่มีมากมายในไต้หวัน โดยเฉพาะที่ตลาด Keelung ที่ห่างจากกรุงไทเปประมาณหนึ่งชั่วโมงนั้น ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งย่านอาหารการกินที่ควรไปเยือนที่สุดก็ว่าได้
น้ำพุร้อนธรรมชาติ
ด้วยเกาะไต้หวันตั้งอยู่บนพื้นที่บริเวณ “วงแหวนแห่งไฟ” (Pacific Ring of Fire) นั่นจึงทำให้ไม่ว่าพื้นที่ไหนๆ บนเกาะแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยน้ำพุร้อนธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนั้นไต้หวันยังมีบ่อน้ำพุร้อนน้ำเค็ม อันเกิดจากน้ำที่ถูกเลี้ยงด้วยน้ำทะเลและน้ำบาดาลร้อนจากลาวาภูเขาไฟซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกรีน เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่สวยที่สุดในไต้หวัน สำหรับน้ำพุร้อนน้ำเค็มนี้มีเพียง 3 แห่งในโลกเท่านั้น คือที่เกาะกรีนแห่งไต้หวัน เกาะคิวชูประเทศญี่ปุ่น และที่ซิซิลีในอิตาลี
อย่างไรก็ตาม หากใครที่อยากแช่น้ำพุร้อนแต่ไม่อยากเดินทางออกนอกไทเป ทางที่เร็วที่สุดคือไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Xinbeitou ที่นี่จะเต็มไปด้วยโรงแรมและรีสอร์ทมากมายที่ให้บริการประปาน้ำพุร้อนกำมะถัน ที่ว่ากันว่านอกจากจะช่วยล้างสารพิษแล้ว ยังทำให้ผิวสว่างใสอีกด้วย ถือได้ว่าย่านนี้คือแหล่งน้ำพุร้อนชั้นดีเลยทีเดียว หรืออีกหนึ่งทางเลือก คือนั่งรถไฟหรือรถบัส 2 ชั่วโมง จากไทเปไปยังเมือง Jiaoshi ที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออก เชื่อแน่ๆ ว่าคนรักการแช่น้ำพุร้อนคงตื่นตาตื่นใจเมื่อมาเยือนไม่น้อย เพราะเป็นที่ตั้งของโรงแรม Art Spa Hotel ที่มีสระว่ายน้ำและสไลเดอร์น้ำพุร้อนให้ได้สนุกกันทั้งวัน
วัดวาอาราม
วัดพุทธศาสนาลัทธิเต๋าและวัดขงจื้อมีอยู่อย่างดาษดื่นทั่วไต้หวัน วัดที่นี่มิใช่เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังถูกใช้เป็นศูนย์กลางจัดแสดงวัตถุทางด้านวัฒนธรรมของชาติ และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนามากมาย โดยวัดที่พลาดไม่ได้ในกรุงไทเปได้แก่ วัดหลงซาน (Longshan) และวัดกวนตู (Guandu) ซึ่งทั้ง 2 วัดนี้สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ โดยรถไฟใต้ดิน อีกแห่งที่พิเศษไม่แพ้กัน คือเมืองทางตอนใต้ของ Tainan ที่คนรักศิลปะวัฒนธรรมแบบเก่าต้องไปเยือนให้ได้
และถ้าคุณมีเวลาเหลือเฟือล่ะก็ เพียงใช้เวลา 40 นาทีบนเครื่องบินจากไทเปสู่หมู่เกาะเผิงหู คุณก็จะสามารถสำรวจวัดที่สวยงามอีกหลายสิบแห่งได้ทันที เท่านั้นยังไม่พอ ย้อนกลับมาที่ประตูเล็กๆ ในใจกลางเขตการปกครองพิเศษไทเป ที่อำเภอเล็กๆ แต่น่าสนใจมากอย่าง Ximending ก็จะพบกันวัดเทียนโฮ (Tien-ho) ที่สมบูรณ์แบบด้วยรูปปั้นของเทพธิดาแห่งท้องทะเล นายพลจีนโบราณ หอระฆัง และมังกรขนาดเล็กที่ประดับในบ่อปลาคาร์ฟตัวใหญ่
พิพิธภัณฑ์
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งแสดงถึงภาพลักษณ์ของไต้หวันที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของไต้หวันที่ตั้งอยู่ในกรุงไทเป ถือเป็นแหล่งมรดกทางศิลปะของจีนที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน คอลเลกชั่นที่มีอยู่อย่างมากมายได้แก่ภาพวาด เครื่องลายครามโบราณ รูปปั้น และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นไทเปยังมีอีกหลายสิบแห่งพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ โดยมีทั้งพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานทางศิลปะสมัยใหม่ (พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย) ศาสนา (พิพิธภัณฑ์ศาสนาของโลก) และสิ่งของที่เล็กมากๆ (Miniatures Museum) เป็นต้น
หลังจากคร่ำเคร่งหาข้อมูลอย่างหนัก ก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า จริงๆ แล้วไต้หวันนั้นน่าสนใจกว่าที่คิด ที่นี่ไม่ใช่แค่เพียงเกาะเล็กๆ ที่มีเพียงแค่ตึกไทเป 101 เท่านั้น แต่มันซ่อนขุมทรัพย์ทางการท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง รวมทั้งสิ่งที่มนุษย์ปั้นแต่งขึ้นมา และนี่เองที่ทำให้มุมมองเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไต้หวันของฉันเปลี่ยนไป ส่วนถ้าถามว่าแล้วฉันจะไปเมื่อไหร่น่ะเหรอ อันนี้ก็คงปรึกษากระเป๋าสตางค์อีกสักนิดล่ะน่า…