เล่นสกี ท่ามกลางปีศาจน้ำแข็งครั้งเดียวในรอบปี
ที่ Zao Onsen Ski Resort
เชิญก้าวสู่โลกสีขาวกับอากาศหนาวเย็นที่ซาโอะ สกีรีสอร์ตกันดีกว่า
อีกหนึ่งความฝันของมนุษย์ในเขตร้อนอย่างเราก็ต้องหิมะขาวๆ กับอากาศหนาวๆ เย็นๆ ที่ไม่มีให้เห็นในบ้านเราอย่างแน่นอน (แม้ว่าจะมีหิมะเทียมในดรีมเวิลด์ก็เถอะ แต่เข้าใจมั้ยว่ามันไม่ใช่!) บทความนี้เราเลยจะพาไปตะลอนชมความงามของดินแดนสีขาวในฝันของทุกคนนั่นเอง ไปลุยกันเล้ยยย
สถานที่ที่จะพาไปเยี่ยมชมกันในวันนี้ยังอยู่ที่ภูมิภาคโทโฮกุเช่นเคย ในจังหวัดยะมะงะะตะนั่นเอง ยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้บอกเลยว่าถ้าใครยังไม่มีแพลนใช้วันลาพักร้อนขอให้รีบเลยจ้ะ เพราะในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคมเทือกเขาในยะมะงะตะจะถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลนเหมือนเมืองในฝันเลยล่ะ รับรองว่าเป็นการพัก (ให้ห่างจากความ) ร้อนของจริงเลยทีเดียว
จุดเด่นที่นี่อยู่ที่สกีนั่นเอง เพราะมีสโลปหลายหลายความชันตามแต่ประสบการณ์ผู้เล่นเลยว่าคุณจะเทพขนาดไหน ใคร เล่นสกี ไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวลสักนิดเพราะมีการเปิดคลาสสอนเล่นสกีด้วย และสำหรับชาวไทยเราที่ไม่ซื้อกระดานสกีอยู่แล้ว (แน่สิซื้อมาจะไปใช้ที่ไหนล่ะ!) ก็มีให้เช่าทั้งกระดานและเสื้อผ้าเลยล่ะ เรียกได้ว่าไปแต่ตัวทัวร์ได้เลยทีเดียว เริ่ด! โดยบัตรผ่านจะมีแบ่งเป็นรายชั่วโมง แบบรอบเช้า หรือรอบกลางคืนด้วย
แต่ถ้าใครที่ไม่ถูกโฉลกกับการเล่นกีฬา เป็นพวกความสัมพันธ์ระหว่างแขนขามือเท้าเป็นศูนย์ (แบบเรา) แล้วล่ะก็ ที่นี่ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมให้ได้ลองเลยล่ะ ทั้งปีนเขา ขึ้นกระเช้า ชมทิวทัศน์ความงามแบบที่เห็นสักครั้งในชีวิตก็คุ้ม เราคิดว่าจะต้องชอบกิจกรรมต่อไปที่เราจะแนะนำแน่ๆ เลยล่ะ จะเป็นอะไร เลื่อนลงไปอ่านกันต่อเลยดีกว่า!!
กิจกรรมขึ้นหิ้งติดท็อปชาร์ตของที่นี่อีกอย่างก็คือ จูเฮียว (juhyo) หรือมอนสเตอร์หิมะนั่นเอง ถ้าแปลไทยอีกทีก็คือปีศาจหิมะตัวมหึมานั่นแล มอนสเตอร์หิมะในที่นี้ไม่ใช้เป็นปีศาจจริงๆ ตัวเป็นๆ อย่างพวกบิ๊กฟุตแต่อย่างใดแต่เป็นต้นไม้ที่ถูกหิมะกลบฝังจนมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนมอนสเตอร์นั่นเอง แหมะ..เค้าใจคิดนะเนี่ย…บางคนก็จะเรียกว่าต้นไม้น้ำแข็ง แล้วอย่าคิดว่าก็แค่ต้นไม้ถูกหิมะทับ เมืองไหนในญี่ปุ่นก็มีนะจ๊ะ เดี๋ยวชาวญี่ปุ่นจะหัวเราะเอา เพราะจูเฮียวนี่จะเกิดแค่บางพื้นที่เท่านั้น เรียกได้ว่าต้องสัมพันธ์กันทั้งพื้นที่ อากาศและหลายๆ อย่าง ดังนั้น เจ้าจูเฮียวนี่เลยถือเป็นเป็นอันซีนเจแปนระดับ 10 ดาวของจังหวัดเลยล่ะ
ชมความสวยแปลกตาที่ธรรมชาติสร้างขึ้นแล้วจะบอกว่ายังมีกิจกรรมที่อยากให้ไปดูอีกที่ด้วยหล่ะ โดยคราวนี้จะเป็นการผสมกันระหว่างเทคโนโลยีกับธรรมชาติ เพราะจะพาไปขึ้นกระเช้า Rope way ยามค่ำคืนไปเจอแสงสีเสียงกลางต้นไม้น้ำแข็ง อย่าเพิ่งคิดว่าเราจะพาเข้าผับนะ ที่เราจะพาไปชมคือการใส่เทคนิคแสงสีในการสาดแสงต่างๆ ไปบนลายของเจ้ามอนสเตอร์หิมะทั้งหลายต่างหาก เป็นการผสานความสวยที่สร้างความตื่นตาได้มากเลยทีเดียวล่ะ แล้วก็ไม่ได้มีเปิดการแสดงทุกวันด้วยนะ สำหรับปีนี้มีเปิดเฉพาะเสาร์อาทิตย์ในเดือนมกราคม ก่อนจะเริ่มเปิดทุกวันเพื่อต้อนรับวันวาเลนไทน์กันตลอดเดือนกุมภาพันธ์ แล้วจะปิดการแสดงลงอย่างเป็นทางการ เพราะถือว่าเป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้วนั่นเอง ย้ำกันอีกทีว่าวาเลนไทน์นี้ควรไปพักร้อนที่นี่มากๆ บอกเลยว่าจะฟินไปกับความสวยแบบสุดๆ ปีหนึ่งๆ จะมีเปิดการแสดงแค่ประมาณ 50 – 70 วันเท่านั้นเองนะ
แหม…ผจญความหนาวเย็นที่ไม่คุ้นเคยมาทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจนค่ำแล้ว ก็ต้องโหยหาความอบอุ่นกันเป็นธรรมดาจริงมั้ยล่ะ แน่นอนว่าสกีรีสอร์ตใหญ่บึ้มขนาดนี้ก็มีการจัดเตรียมออนเซนอุ่นๆ (จนเกือบจะร้อนเลยล่ะ) ไว้คลายความเมื่อยล้าและบำรุงผิวพรรณให้ใสปิ๊งสุขภาพดีได้ทุกสีผิวและทุกสภาพผิวเลยล่ะ แถมอาบออนเซนเสร็จยังมีอาหารร้อนๆ ผ้านวมนุ่มๆรออยู่ด้วยนะ อร๊ายยย..แค่คิดก็น่าไปแล้ว
นอกเหนือไปจากช่วงฤดูหนาวแล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมตามฤดูกาลอื่นๆให้ได้มาเที่ยวชมกันอีกด้วย จะเดินเขาชมธรรมชาติในฤดูร้อน หรือจะมาชมความงามของพืชพันธ์ในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงก็สวยลื้มม(เสียงสูง) แต่ถ้าจะมาในช่วงที่สวยที่สุดแล้วล่ะก็ขอให้มาในช่วงกุมภาพันธ์นะจ้ะ คุ้มมาก…พูดเลย !! แต่ถ้าไม่ทันเดือนมีนาคม ก็ยังสามารถมาสัมผัสกีฬาหน้าหนาวอย่างสกีได้อยู่แน่นอนจ้ะ