เก็บข้อมูลเตรียมออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่กันที่ จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie) มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่ใครต่อใครต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่า เมืองนี้เป็นดินแดนสวรรค์ที่มีอยู่จริง! บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งหุบเขาอวตาร โดยจางเจียเจี้ยจัดเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจีน ได้รับการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1992 แถมยังถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A (AAAAA) จากการท่องเที่ยวแห่งชาติจีนอีกด้วย ใครกำลังวางแผนว่าจะไป เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี ให้สภาพอากาศเป็นใจ มีไฮไลต์ที่เที่ยวจุดไหนที่ห้ามพลาดบ้าง ตามพี่เห็ด มัชรูมทราเวล ไป ทัวร์จางเจียเจี้ย ด้วยกันได้เลย
เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี ?
หลายคนอาจกำลังลังเลว่าจะเที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี เพราะแต่ฤดูกาลก็มีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวในเส้นทางจางเจียเจี้ยส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสูง ด้านบนมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี หรือบางช่วงก็มีฝนและเมฆหมอกบ้าง แต่ก็ได้อีกบรรยากาศที่สวยงามแตกต่างกันไป โดยตลอดทั้งปีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16 องศา ไม่หนาวจนเกินไป โดยมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ดังนี้
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
ถ้าใครอยากมา ทัวร์จางเจียเจี้ย แบบเจอความสดชื่นสดใส หรือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติก็ต้องมาฤดูนี้ เพราะบรรยากาศจะถูกแต่งแต้มสีสันให้มีชีวิตชีวาด้วยหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดที่กำลังบานสะพรั่ง ส่วนสภาพอากาศก็เย็นสบายกำลังดี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15 – 25 องศา นับได้ว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุด เหมาะกับการมาเที่ยวมากๆ แต่อาจต้องระวังนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงวันหยุดยาวของจีน ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนะคะ
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – สิงหาคม
ช่วงนี้สภาพอากาศค่อนข้างอุ่นขึ้นกว่าเดิม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 25 – 34 องศา อาจเจอฝนตกชุกได้ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม แต่ถึงแม้ว่าจะเจอฝน ก็ยังได้สัมผัสทิวทัศน์ของทะเลหมอกที่สวยงามแทน นอกจากนี้ช่วงฤดูร้อนยังมีกิจกรรมผจญภัยสนุกๆ ให้ทำเพียบ ไม่ว่าจะเป็น กระโดดบันจี้จัมพ์, ปั่นจักรยาน หรือปีนหน้าผา เป็นต้น ใครที่เป็นสายเอาท์ดอร์ต้องหลงรักอย่างแน่นอน
ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี ก็ต้องบอกเลยว่า ฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีสำหรับการไปเยือนจางเจียเจี้ย นั่นก็เพราะว่า อากาศจะเริ่มเย็นสบาย ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 13 – 25 องศา และตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายนยังเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี จะได้เห็นป่าไม้ต่างๆ เปลี่ยนสีเป็นเหลืองอ่อนๆ หรือสีแดง แต่อาจจะไม่ได้สีสดมากนัก ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ไม้นั้นๆ
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์
ใครอยากเจอหิมะต้องมาช่วงนี้เลย อากาศหนาวเย็นสุดขั้ว บางครั้งก็มีลมแรง อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 5 – 12 องศา ส่วนเรื่องทิวทัศน์ก็สวยยกนิ้ว ยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ฉะนั้นใครจะไปเที่ยวช่วงนี้ต้องเตรียมสภาพร่างกายและเสื้อกันหนาวให้พร้อมนะคะ
ถ้าถามว่า เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี แนะนำช่วงเวลา ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงตุลาคม ด้วยสภาพอากาศที่ไม่หนาวจนเกินไป แถมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติจะพร้อมมากๆ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนวางแผนเดินทางควรระวังเรื่องวันหยุดยาวของชาวจีนเอาไว้ด้วย และควรตรวจสอบสภาพอากาศทุกครั้ง เพื่อจะได้เตรียมรับมือให้พร้อม ไปเที่ยวได้อย่างสบายใจหายห่วง
รวม 6 สุดยอดไฮไลต์แห่งความน่าเที่ยวในจางเจียเจี้ย
มาเที่ยวจางเจียเจี้ย จะพลาดจุดไฮไลต์น่าเที่ยวไปได้ยังไง ก็ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งป่าเขา และหมู่บ้านโบราณสวยๆ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. เดินบนสะพานกระจกที่ยาวและสูงที่สุดในโลก
สถานที่แรกที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด ไปพิกัดวัดใจที่ สะพานแก้วจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie Glass Bridge) สะพานกระจกที่ยาวและสูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงจากพื้นดินถึง 300 เมตร และยาวกว่า 400 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุดราวๆ 800 คน สร้างตามหลักวิศวกรรมที่แข็งแรง ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัย มีระเบียงราวจับให้ตลอดทางเดิน แต่ถ้าใครกลัวความสูงพี่เห็ดไม่แนะนำเลยนะคะ เพราะความใสของพื้นกระจกทำให้สามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้อย่างชัดเจน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนอากาศเลยแหละ แต่ถ้าใครอยากลองแต่กล้าๆ กลัวๆ บนพื้นสะพานก็ยังมีส่วนที่ไม่ใช่กระจก เป็นพื้นแบบทึบด้วยนะ ที่เด็ดไปกว่านั้นที่นี่ยังมีกิจกรรมบันจี้จัมพ์ ท้าทายความสูงขั้นแอดวานซ์อีกด้วย
2. นั่งกระเช้าระยะทางยาวที่สุดในโลก
ไฮไลต์ต่อมาก็คือ นั่งกระเช้าระยะทางยาวที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้น เขาเทียนเหมินซาน (Tianmen Mountain Cable Car) โดยใน 1 กระเช้าสามารถนั่งได้ประมาณ 8 คน มีระยะทาง 7.5 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งประมาณ 40 นาที ตลอดเส้นทางกระเช้าจะค่อยๆ พาเราไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางแน่นอนว่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และทัศนียภาพที่สวยงดงาม มองเห็นวิวภูเขาสูงที่สลับซับซ้อน และด้านล่างเป็นถนน 99 โค้ง บอกเลยว่าทั้งสวยและสูงมากๆ
3. ชมถ้ำประตูสวรรค์ มหัศจรรย์ธรรมชาติ
หลังจากขึ้นกระเช้าที่ระยะทางยาวที่สุดในโลกมาแล้ว เราก็จะได้ชม ประตูสวรรค์ (The Heaven’s Gate of Tianmen Shan) ซึ่งเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่บนแนวภูเขาสูงใหญ่ ที่เกิดจากการระเบิดเองตามธรรมชาติ เมื่อมองขึ้นมาจากด้านล่างก็จะให้ความรู้สึกเหมือนประตูที่นำไปสู่สรวงสวรรค์ เบื้องหน้ามีบันได 999 ขั้น ขึ้นสูงช่องประตู แต่ถ้าใครเดินไม่ไหว ที่นี่ก็มีบริการบันไดเลื่อนและลิฟต์ไว้อำนวยความสะดวกด้วย สบายสุดๆ ไปเลย
4. เที่ยวเขาอวตาร ขึ้นลิฟต์แก้วสูงที่สุดในโลก
ไปหวาดเสียวกันต่อด้วยการขึ้นลิฟต์แก้วสูงที่สุดในโลกที่ชื่อว่า ลิฟต์แก้วไป่หลง (Bailong Elevator) เพื่อขึ้นไปชม เขาอวตาร หรือ เขาเทียนจื่อซาน (Tianzi Shan) ลักษณะเป็นแท่งภูเขาหินทรายมากกว่า 3,000 ยอด เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” นั่นเอง ด้วยความสูงของลิฟท์ราว 326 เมตร ประมาณตึกสูง 109 ชั้น แต่ใช้เวลาในการขึ้นลิฟต์ไปเพียงหนึ่งนาทีกว่าๆ เท่านั้น ภายในลิฟต์เป็นกระจกใส มองเห็นวิวโดยรอบที่ค่อยๆ สูงขึ้น สวยงามจนอาจลืมความเสียวไส้ไปได้ เป็นอีกบรรยากาศและความรู้สึกที่หาที่ไหนไม่ได้อย่างแน่นอน
5. เช็กอินที่เที่ยวใหม่ ตึกมหัศจรรย์ 72
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจางเจียเจี้ย กับ ตึกมหัศจรรย์ 72 หรือ 72 Qi Lou สถาปัตยกรรมสวยงามอลังการ ด้วยการนำเอาเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในจางเจียเจี้ยมารวมกันในที่เดียว ตัวตึกหลักมีการสร้างให้คล้ายกับ ประตูสวรรค์ และตั้งชื่อสถานที่นี้ตามเลขมงคล ไฮไลต์พิเศษจะอยู่ในช่วงกลางคืน เพราะจะมีการแสดงแสงสีเสียงสุดตระการตา นอกจากนี้ยังมีโซนร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย
6. เที่ยว 2 หมู่บ้านโบราณ บรรยากาศเหมือนอยู่ในซีรีส์จีนย้อนยุค
ปรับโหมดหวาดเสียวมาเป็นโหมดดีต่อใจ ไปเที่ยวชมหมู่บ้านจีนโบราณที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ แห่งเส้นทางจางเจียเจี้ย ได้แก่ ฟูหรงเจิ้น (Furong Zhen) หมู่บ้านโบราณบนน้ำตกขนาดใหญ่ บรรยากาศสวยงามร่มรื่น มีจุดถ่ายรูปที่สวยงามก็คือบริเวณใต้น้ำตก ที่สามารถเดินเข้าไปได้ด้วย ช่วงกลางคืนจะเปิดไฟหลากสีทั้งหมู่บ้าน ยิ่งสวยงามไปอีกแบบ
อีกแห่งหนึ่งก็คือ เมืองโบราณฟ่งหวง (Fenghuang) เป็นเมืองเก่าที่สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ล้อมรอบด้วยภูเขา และมีแม่น้ำถัวเจียงไหลผ่าน เราจะเห็นบ้านโบราณที่ยังคงความเก่าแก่เอาไว้ เรียงรายอยู่ตลอดสองฝั่ง สามารถนั่งเรือชมวิว ชิลกับบรรยากาศสบายๆ เรียกได้ว่าทั้งสองแห่งนี้บรรยากาศงดงามราวกับหลุดไปอยู่ในซีรีส์จีนเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวจีนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตลอดมา และพี่เห็ดคอนเฟิร์มเลยว่า ธรรมชาติในเส้นทางนี้สวยงามและอลังการมากๆ แบบจินตนาการไม่ได้เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นต้องได้ออกเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเอง ใครกำลังวางแผนไป ทัวร์จางเจียเจี้ย ก็ศึกษาข้อมูล เลือกช่วงเวลาว่าอยากไป เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี จะได้เที่ยวอย่างแฮปปี้แน่นอน