หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
เมืองเสียมเรียบหรือเสียมราฐเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา โดยอยู่ริมฝั่งทะเลสาบเขมรและห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 314 กิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมอันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งก็คืออังกอร์ นครวัดอันสวยงาม รวมทั้งปราสาทเก่าแก่อื่นๆ อีกมากมายที่กระจายกันอยู่ทั่วเมืองเสียมเรียบแห่งนี้
โตนเลสาบหรือทะเลสาบเขมรเป็นทะเลสาบน้ำจืดซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขงไหลผ่าน ซึ่งมีความยาวถึง 500 กิโลเมตร จึงทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย นอกจากนั้นโตนเลสาบยังเป็นสถานที่ผสมพันธุ์ของปลาบึก ซึ่งเป็นปลาขนาดใหญ่ที่พบได้เฉพาะในแม่น้ำโขงเท่านั้น โดยโตนเลสาบมีอาณาเขตครอบคลุมจังหวัดต่างๆ ในกัมพูชาถึง 5 จังหวัด ได้แก่ กำปงธม กำปงซะนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมเรียบ
ศาลของพระองค์เจ็กกับพระองค์จอมเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อคนในท้องถิ่น เป็นศาลขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของโรงแรมแกรนด์ดิอังกอร์ จังหวัดเสียมเรียบ ภายในศาลมีพระพุทธรูปที่อยู่ในพระอิริยาบถยืนอยู่สององค์ มีชื่อว่าองค์เจ็ก (องค์สูง) และพระองค์จอม (องค์เตี้ย) ซึ่งพระทั้งสององค์นี้ยังถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเมืองเสียมเรียบ ที่มีผู้คนหลั่งไหลมาสักการะไม่ขาดสาย
ปราสาทบันทายสรีถูกเรียกตามสำเนียงของเขมรคือบันเตียไสร อันหมายถึงปราสาทสตรี อยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร ใกล้กับแม่น้ำเสียมเรียบในบริเวณที่เรียกว่าอิศวรปุระ โดยสร้างด้วยหินทรายสีชมพูดูสดใส และได้ชื่อว่าเป็นปราสาทหินที่งดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา นอกจากนั้นยังมีการแกะสลักลวดลายอ่อนช้อย คมชัด ดูมีชีวิตชีวา ซึ่งภาพแกะสลักส่วนมากเป็นเรื่องราวในมหากาพย์รามายาณะ
นครวัด เป็นศาสนสถานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเสียมเรียบ สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ และเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยนครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา และเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ปัจจุบันได้รับการลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ "เมืองพระนคร"
เมืองพระนครธมตั้งอยู่ในจังหวัดเสียมเรียบซึ่งได้รับการลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2535 อันเนื่องมาจากการเป็นผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นโดยการสร้างสรรค์อันฉลาด และมีอิทธิพลต่อการผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวนและภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง และเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างที่เป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
สะพานนาคราช เป็นสะพานข้ามคูน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นล้อมรอบกำแพงปราสาท โดยสร้างขึ้นตามความเชื่อทางศาสนาในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งกษัตริย์เขมรใช้เป็นทางเสด็จผ่านเข้าออกเมืองนครธม ปัจจุบันสะพานนี้ใช้ข้ามเพื่อเข้าสู่นครธมอันเป็นจังหวัดแห่งหนึ่งของกัมพูชาที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย ซึ่งสะพานนี้ ด้านหนึ่งคือนศิลาสลักเป็นรูปเทวดากำลังฉุดนาค ส่วนอีกด้านเป็นรูปอสูรซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 5 เท่าของคนรวมกันถึง 108 ตน ซึ่งใกล้ๆ กันนั้นมีประตูเมืองที่มียอดเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศที่วิจิตรงดงาม
ปราสาทบายน (The Bayon) ปราสาทบายนสร้างขึ้นจากหินทรายและเป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุ เมื่อมองจากด้านนอก จะแลดูคล้ายกับเขาวงกต ศูนย์กลางของอังกอร์ธมหรือนครธม ยอดปราสาทขนาดยักษ์ทุกหลังจะแกะสลักเป็นรูปเทวพักตร์ 4 หน้า ผนังด้านล่างของตัวปราสาทจะปรากฏภาพสลักฝาผนัง ซึ่งเป็นภาพแสดงชีวิตประจำวันของชาวเขมร และภาพการสงครามระหว่างขอม (เขมรโบราณ) กับพวกจาม (เวียดนามโบราณ) ซึ่งเปรียบเสมือนการบันทึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเขมรไว้
ปราสาทตาพรหมเป็นปราสาทหินในยุคสุดท้ายของอาณาจักรขอม สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดา ซึ่งที่นี่ถือเป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่โต เนื่องจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นั้นทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา ปราสาทตาพรหมจึงเป็นทั้งปราสาทและวัดทางพุทธศาสนาไปในตัว ภายในปราสาทมีภาพแกะสลักอันเป็นเรื่องราวทางพุทธประวัติของนิกายมหายาน ทั้งหน้าบัน และทับหลัง แต่น่าเสียดายที่ภายหลังในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 พระองค์ทรงเลื่อมใสในศาสนาฮินดู ที่นี่จึงได้ถูกดัดแปลงให้มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู
เขาพนมบาเค็งเป็นเทวสถานที่สร้างตามลัทธิไศวนิกาย เมื่อราว พ.ศ. 1450 ตั้งอยู่บนเขาลูกเล็กที่มีความสูงประมาณ 70 เมตร โดยชื่อเดิมคือปราสาทยโศธระปุระ ซึ่งเป็นชื่อของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ต่อมาจึงถูกเรียกว่าพนมบาเค็งตามลักษณะของต้นบาเค็งที่มีอยู่มากมายในบริเวณนี้ อันเป็นภูเขาที่อยู่ใจกลางเมืองยโสธรปุระ ซึ่งเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ และเป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยตัวปราสาทพนมบาเค็งจำลองลักษณะมาจากปราสาทบากอง ที่ตัวระเบียงแต่ละชั้นมีปราสาทเล็กๆ 4 มุม ภายในปรางค์ประธานมีศิวลึงค์ตั้งอยู่
การแสดงชุดระบำอัปสร (Siem Reap Apsara Dance) ศิลปะพื้นบ้านสวยงามของเมืองเสียมเรียบ มีการแสดงนาฏศิลป์ การแสดงชุดรามเกียรติ์ และการละเล่นพื้นบ้านต่างๆ ดูการแต่งกาย เครื่องทรง ท่วงท่า คล้ายๆ กับการแสดงที่บ้านเรา โดยการแสดงแต่ละชุดต้องเว้นระยะว่างเพราะต้องรอให้ตัวแสดงเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเพื่อออกแสดงในชุดใหม่ บทบรรยายและบทร้องใช้ภาษาเขมรล้วน ชุดสุดท้ายเป็นไฮไลท์ที่สวยงามมาก คือ การรำนางอัปสรา เมื่อชมการแสดงจบแล้ว ให้แขกขึ้นไปถ่ายรูปกับนักแสดงได้ ให้ได้ถ่ายภาพไว้เป็นความทรงจำ
ตลาดซาจ๊ะหรือตลาดเก่าเป็นตลาดดั้งเดิมในเมืองเสียมเรียบที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเลือกซื้อของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองที่หลากหลาย ทั้งผ้าไหม เครื่องเงิน งานแกะสลัก รูปปั้น งานศิลปะหัตถกรรมอย่างเช่นเสื้อยืด โปสการ์ด เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้างานฝีมือ อาหาร เครื่องจักสาน ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ ชาและกาแฟท้องถิ่น ในราคาที่ไม่แพง แถมยังให้บรรยากาศที่น่าสนใจในแบบท้องถิ่นอย่างแท้จริง
ตลาดโรงเกลือ หรือตลาดชายแดนบ้านคลองลึก ตั้งอยู่ในเขตอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ-ปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เป็นตลาดการค้าชายแดนภาคตะวันออกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวนับพันนับหมื่นคนมาจับจ่ายสินค้าแบรนด์เนมราคาถูก ที่มาจากทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันตลาดโรงเกลือมีการปรับปรุงด้านความสะอาด รวมทั้งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวเดินจับจ่ายสินค้าได้อย่างสบายใจ