หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
เมืองไคเฟิง เป็นเมืองเก่าแก่ เคยเป็นเมืองหลวง 7 ราชวงศ์นับตั้งแต่ยุคจ้านกว๋อและรุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์ซ่ง มีเนื้อที่ 900 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 1.9 ล้านคน
ศาลไคเฟิง ของท่านเปาบุ้นจิ้น (เปากงฉือ) ที่สร้างขึ้นบนเนื้อที่ 4,000 ตารางเมตร เป็นสถานที่ซึ่งใช้ในการพิพากษาคดีของท่านเปาบุ้นจิ้น ขุนนางผู้ที่มีความซื่อสัตย์ยุติธรรม จนเป็นที่เลื่องลือแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ชมห้องพิจารณาคดีที่มีเครื่องประหารหัวสุนัข หัวพยัคฆ์ และหัวมังกร ชมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของท่านเปาฯ สูง 2.5 เมตร
เจดีย์เหล็ก (เถียะถ่า) ตั้งอยู่ด้านเหนือของเมืองไคเฟิงในบริเวณวัดยิ้วกว้อ เจดีย์เหล็กนี้สร้างตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งปี ค.ศ.1049 ลักษณะทรงแปดเหลี่ยมแบบจีนสูง 13 ชั้น โดยลักษณะภายนอกใช้กระเบื้องหลากสีมา ประติดประต่อห่อหุ้มซึ่งมองไกลๆ คล้ายกับเป็นสีของเหล็ก จึงได้ชื่อเป็นเจดีย์เหล็ก
ศาลามังกร (หลงถิง) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองไคเฟิง สร้างขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1692 ในสมัยจักรพรรดิคังซีแห่งราชวงศ์ชิง
เติงเฟิง ตั้งอยู่ในเมืองเจิ้งโจว ในเขตมณฑลเหอหนาน โดยที่นี่เป็นที่ตั้งของมรดกสำคัญของโลก นั่นก็คือวัดเส้าหลิน รวมทั้งเทือกเขาซงซาน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีนมาแต่โบราณ นอกจานี้เทือกเขาซงซานแห่งเติงเฟิงยังเป็นเทือกเขาที่ชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศจีนอีกด้วย ทั้งนี้เขาซงซานยังรายล้อมไปด้วยยอดเขาใหญ่น้อยอีกดว่า 72 ยอด
วัดเส้าหลินเป็นวัดสำคัญทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่เก่าแก่กว่า 1,500 ปี โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ. 495 จนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู๋ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาซงซานอันศักดิ์สิทธิ์ในอำเภอเติงเฟิง มณฑลเหอหนาน โดยปัจจัยที่ทำให้วัดเส้าหลินมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกก็เนื่องมาจากที่นี่เป็นต้นกำเนิดของวิทยายุทธเส้าหลินอันเลื่องชื่อนั่นเอง ปัจจุบันวัดเส้าหลินแห่งเขาซงซานถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ควรอนุรักษ์ไว้ตราบจนรุ่นลูกหลาน
ถ่าหลิน ,pagoda forest ที่มีหมู่เจดีย์กว่า 200 องค์ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุอัฐิของอดีตเจ้าอาวาสของวัดเส้าหลิน
เมืองลั่วหยางตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของมณฑลเหอหนานในภาคกลางของจีน และเป็นแหล่งกำเนิดทางอารยะธรรมที่สำคัญของจีนในสมัยโบราณอีกเมืองหนึ่งด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน นอกจากนี้เมืองลั่วหยางยังเคยถูกสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์เซี่ย รวมถึงอีก 13 ราชวงศ์ ปัจจุบันลั่วหยางมีโบราณสถานที่มีชื่อเสียงและยังมีสถานะเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งใหม่ที่เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งรถแทรกเตอร์ เครื่องจักรเหมืองแร่ ตลับลูกปืน อุตสาหกรรมแปรรูปเหล็ก สิ่งทอ การกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
ถ้ำหินประตูมังกร หรือถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes) เป็นกลุ่มถ้ำแกะสลักบนหน้าผา ตั้งอยู่ห่างออกไปทางใต้ 12 กิโลเมตรจากเมืองลั่วหยาง ในมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ถ้ำแห่งนี้มีรูปแกะสลักมากถึง 2,500 และพระพุทธรูปแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดนั้นมีความสูงกว่า 17 เมตร ในปี ค.ศ. 2000 ได้รับประกาศว่าเป็นมรดกโลก อันเนื่องมาจากความงดงามของงานแกะสลัก และความคล้ายของใบหน้าที่ดูคล้ายชาวจีนมากที่สุด
วัดถ้ำเฟิ่งเซียนซื่อ ชมพระประธานสูง กล่าวกันว่าใช้พระพักตร์ของพระนางบูเช็กเทียนเป็นแบบในการแกะสลัก
เมืองซีอาน (Xian City) อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยเมื่อสมัยโบราณซีอานเรียกว่า"ฉางอาน"เคยเป็นเมืองหลวงที่ยาวนานที่สุด และในเมืองซีอานก็หลายหลายราชวงศ์ที่สุด จึงทำให้เมืองซีอานที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เมืองซีอานยังเป็นเมืองโบราณที่ขึ้นชื่อลือชาหนึ่งใน 4 ของโลกด้วยคือ เมืองซีอาน กรุงโรม กรุงไคโร และกรุงเอเธนส์
โชว์ราชวงศ์ถัง (tang dynasty dance show) เป็นการแสดงถึงเรื่องราววิถีชีวิตของชาวซีอานที่เกี่ยวข้องกับชาวซีอานและราชวงศ์ถัง สัมผัสกับความอลังการ ตื่นตา ตื่นใจ ระบบแสงสีเสียง อันตระการตากับการแสดงโชว์ย้อนยุคสมัยราชวงศ์ถัง อันเลื่องชื่อทั้งในและนอกประเทศ
หุ่นปั้นนักรบกองทหารอารักขาสุสาน ซึ่งถูกฝังไว้ใต้ดินพร้อมกับจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ สุสานทหารหุ่นแห่งนี้ชาวนาจีนได้ขุดค้นพบในปีค.ศ. 1974 เป็นจำนวนกว่า 7,000 ตัวหุ่นทหารทุกตัวมีขนาดเท่าตัวคนจริง และมีใบหน้าแตกต่างกันทุกตัว มีบันทึกว่าสุสานแห่งนี้ใช้แรงงานทาสเป็นจำนวนถึง 726,000 คน ใช้เวลาก่อสร้าง 36 ปี นำชมประวัติฯบนจอยักษ์ 360 องศา ผ่านชมบริเวณที่คาดว่าเป็นสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี ปฐมจักรพรรดิของประเทศจีนที่ได้ทรงรวบรวม แผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ ปัจจุบันมีการค้นพบที่ตั้งของสุสานแล้วแต่ย
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ คือมหาสุสานของจักรพรรดิจีน จิ๋นซีฮ่องเต้ (ฉินสื่อหวงตี้) แห่งราชวงศ์ฉิน ภายในสุสานใช้บรรจุพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ ทรัพย์สมบัติต่างๆ ตลอดจนกองกำลังทหาร นางสนมและนางกำนัล รถม้าและขุนพลทหาร ที่สร้างมาจากดินเผา จำนวนมาก เพื่อเป็นตัวแทนของข้าราชบริพารในการร่วมเดินทางไปยังปรโลกของจิ๋นซีฮ่องเต้
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ให้ท่านได้ชมขั้นตอนการเลี้ยงไหมและสาธิตการทอผ้าไหม ให้ท่านได้สามารถเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าไหมซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสินค้าส่งออกที่ขึ้นชื่อของจีน
จัตุรัสหอกลอง Drum Tower หอกลองอยู่ห่างจากหอระฆังไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตรงข้ามกับจัตุรัสหอระฆังและจัตุรัสหอกลอง หอคอยทั้งสองได้ชื่อว่าเป็น “ตึกสองพี่น้อง” หรือ “ระฆังรุ่งอรุณและกลองรัตติกาล” เนื่องจากประเทศจีนในอดีต โดยเฉพาะราชวงศ์หยวนนั้น จะมีการตีกลองเพื่อบอกเวลาและเตือนภัยยามมีสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยการให้สัญญาณบอกเวลานั้น ยามเช้าใช้เสียงระฆัง และยามค่ำใช้เสียงกลอง
เจดีย์ห่านป่าใหญ่,Big Goose Pagoda ศาสนสถานโบราณที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในแผ่นดินจีนองค์เจดีย์มีรูปแบบเรียบง่าย ในศิลปะจีนผสมอินเดีย เดิมนั้นสร้างเพียง 5 ชิ้น แต่เมืองซีอานได้ประสบภัยแผ่นดินไหวมาหลายครั้ง จึงได้มีการบูรณะเรื่อยมาและมีการบูรณะ ใหญ่ในสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง ปัจจุบันองค์เจดีย์มี 7 ชั้น สูง 64.1 เมตร ฐานขององค์เจดีย์วัดจากตะวันออกไปตะวันตกยาว 45.9 เมตร จากเหนือไปใต้ยาว 48.8 เมตร
หยกคืออัญมณีที่ชาวจีนยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม 5 ประการ นั่นก็คือ ความใจบุญ สมถะ กล้าหาญ ยุติธรรม และความมีสติปัญญา ซึ่งชาวจีนนั้นถือว่าเป็นชนชาติที่มีความผูกพันกับหยกตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะพวกเขาเชื่อว่าหยกเป็นอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง ความร่ำรวย ความมีโชคและทำให้อายุยืน ดังนั้น ชาวจีนจึงนิยมใช้หยกเป็นเครื่องประดับและเครื่องใช้ต่างๆ และมักพกหยกติดตัวไว้เสมอ โดยถ้าเป็นเด็กหญิงจะสวมกำไลหยก ส่วนเด็กชายจะพกจี้หยก
พระราชวังต้าหมิงกง,Daming palace “ต้าหมิงกง” ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 634 โดยพระบรมราชโองการของหลี่ซื่อหมิง ฮ่องเต้เรืองอำนาจแห่งราชวงศ์ถังในยุคที่นครฉางอาน (ซีอาน) รุ่งเรืองสุดๆ เป็นศูนย์กลางอารยะธรรมและศูนย์กลางการค้าขายระหว่างประเทศ เชื่อกันว่า 17 จาก 21 ฮ่องเต้ ในสมัยราชวงศ์ถังได้ใช้พระราชวังต้าหมิงกงเป็นที่ประทับต่อเนื่องมานานนับ 200 ปี
ชมของโบราณในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี อยู่ริมแม่น้ำเฟินเหอในตัวเมืองไท่หยวน เขตเมืองเก่านครซีอาน ถือเป็นสิ่งก่อสร้างอันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ลงทุนสร้างด้วยเงิน400ล้านหยวน รวมรวมวัตถุโบราณหายากในสมัยราชวงศ์ซาง ราชวงศ์เหนือ ราชวงศ์จิ้น ราชวงศ์หยวน จนถึงหมิงและชิง มีพื้นที่ใช้สอย51,000ตรม มีอาคารกลางและอาคาร4มุม ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน อาคารหอประชุม ศูนย์แสดงนิทรรศการและศูนย์ศิลปะ จัดแสดงมรดกทางวัตนธรรมและอารยธรรมที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ
กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) หรือ กำแพงหมื่นลี้ มีความยาวทั้งสิ้น 21,196.18 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดถึง 15 มณฑล จนทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง พร้อมควบตำแหน่งสิ่งก่อสร้างจากน้ำมือของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย กำแพงเมืองจีนส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน ในช่วงศตวรรษที่ 9 เพื่อใช้ป้องกันการรุกรานจากพวกฮั่น และพวกเติร์กจากทางเหนือ โดยใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนานที่สุดในโลก คือนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 จนถึง ศตวรรษที่ 221 ก่อนคริสตกาล