หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
อาบูดาบีเป็นเมืองหลวงและเป็นเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของประเทศคือกรุงอาบูดาบี ซึ่งมีการปกครองประเทศด้วยระบอบราชาธิปไตย โดยมีเจ้าผู้ครองนครองค์ปัจจุบันคือ เคาะลีฟะฮ์ บิน ซายิด อัลนะฮ์ยาน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาบูดาบีตั้งอยู่บนเกาะรูปตัวทีที่ยื่นเข้าไปในอ่าวเปอร์เซียและมีพื้นที่ทั้งหมด 67,340 ตารางกิโลเมตร นอกจากนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ค่าครองชีพแพงเป็นอันดับที่ 26 ของโลกอีกด้วย
มัสยิดหลวง Sheikh Zayed ตั้งอยู่ในอาบูดาบีเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และถือเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ และยังเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถจุผู้คนได้มากถึง 40,000 คน สร้างโดยอดีตประธานาธิบดี Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyan และมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานวัฒนธรรมอันหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางกาเรียนรู้และการค้นพบผ่านกิจกรรมทางการศึกษาและวัฒนธรรมอีกด้วย
ชายหาดจูไมร่าตั้งอยู่ในย่านจูไมร่าห์ เป็นหาดทรายสีขาวที่ทอดยาวไปตามชายฝั่งทางใต้ของย่านประวัติศาสตร์แห่งนี้และมีพื้นที่ติดกับเกาะต้นปาล์มอันมีชื่อเสียงของดูไบ นอกจากนั้นยังเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุด ดังนั้นภายในพื้นที่อันยาวเหยียดของชายหาดจึงเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงโรงแรม รีสอร์ท สวนน้ำ และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และทันสมัย จึงไม่แปลกหากทะเลอาหรับของอ่าวเปอร์เซียแห่งนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
เอมิเรตส์ พาเลซคือโรงแรมสุดหรูที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมากที่สุดในโลก โดยใช้งบประมาณมากถึง 96,000 ล้านบาท อีกทั้งยังใช้เงิน ทอง และหินอ่อนเป็นวัสดุในการก่อสร้าง นอกจากนั้นยังติดตั้งโคมไฟระย้าซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษ โดยใช้แก้วคริสตัลของสวารอฟสกี้ถึง 1,002 ชิ้น จึงไม่แปลกว่าทำไมโรงแรมแห่งนี้จึงใช้งบก่อสร้างสูงนัก โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 2005 ในกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เบิร์จ อัลอาหรับคือโรงแรมหรูหราระดับ 7 ดาว แห่งแรกของโลก ทั้งยังเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงถึง 321 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะในบริเวณชายฝั่งทะเลของอ่าวเปอร์เซีย นอกจากนั้นโรงแรมแห่งนี้ยังเป็นเสมือนกับแลนด์มาร์กของการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออก รวมถึงยังเป็นแลนด์มาร์กของมหานครดูไบอีกด้วย ซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนกับเรือใบ Dhow อันเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ โดยมีเส้นทางเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ผ่านทางสะพานบิร์จ อัลอาหรับ
เดอะ ดูไบ มอลล์คือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลก อาทิ Waitrose และ Hamleys ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในตะวันออกกลางแล้ว ที่นี่ยังมีจุดน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งตลาดซื้อขายทองคำ ลานสเก็ตน้ำแข็งที่ได้มาตรฐานโอลิมปิก ไปจนถึงศูนย์รวมแฟชั่น นอกจากนั้นยังประกอบด้วยอควาเรียมที่ได้รับการบันทึกในระดับโลกว่าเป็นตู้กระจกอะคริลิกขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
คลองที่จะแบ่งดูไบออกเป็น 2 ส่วนคือ Deira Dubai และ Bur Dubai เป็นทะเลที่ขุดเข้ามา มีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร มีท่าจอดเรือ 8 ท่า ให้ท่านได้ชมและถ่ายรูปกับทัศนียภาพสองฟากฝั่ง ของ Creek ได้ตามอัธยาศัย
แอตแลนติส เดอะ ปาล์มเป็นรีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ที่ตั้งอยู่บนเกาะต้นปาล์ม จูไมราห์ โดยชื่อโรงแรมและรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานของดินแดนหายสาบสูญไปในอดีตกาล ซึ่งก็คือแอตแลนติส บวกกับศิลปกรรมสไตล์อาหรับพื้นเมือง ซึ่งตัวโรงแรมนั้นสร้างเป็นอาคารทรงแท่งขนาดใหญ่สีชมพูจำนวน 2 แท่ง โดยมีซุ้มสะพานโค้งเชื่อมตึกทั้ง 2 เข้าไว้ด้วยกัน และนอกจากห้องพักสุดหรูหราและหาดทรายส่วนตัวแล้ว ที่นี่ยังประกอบด้วยอควาเรียมขนาดยักษ์ จุดชมวิวใต้น้ำ ฯลฯ ไว้บริการอีกด้วย
เบิร์จ อัลอาหรับคือโรงแรมหรูหราระดับ 7 ดาว แห่งแรกของโลก ทั้งยังเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงถึง 321 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะในบริเวณชายฝั่งทะเลของอ่าวเปอร์เซีย นอกจากนั้นโรงแรมแห่งนี้ยังเป็นเสมือนกับแลนด์มาร์กของการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออก รวมถึงยังเป็นแลนด์มาร์กของมหานครดูไบอีกด้วย ซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนกับเรือใบ Dhow อันเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ โดยมีเส้นทางเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ผ่านทางสะพานบิร์จ อัลอาหรับ
พิพิธภัณฑ์ดูไบเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดในดินแดนตะวันออกกลาง สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 และมีการบูรณะใหม่หลายครั้ง ซึ่งที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับเอมิเรตส์ เช่น การค้นพบผลงานทางศิลปะที่มีอายุมากกว่า 4,000 ปี รวมทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่างๆ นอกจากนั้นยังมีการฉายภาพในระบบที่ทันสมัยเพื่อพานักท่องเที่ยวย้อนเวลาไปชมวิถีชีวิตของชาวอาหารับในมัยโบราณ รวมถึงเมืองดูไบก่อนการพัฒนาดังเช่นที่เห็นในปัจจุบัน เป็นต้น
บักกี้ ดูน ซาฟารีคือการขับไปบนเนินทรายสีแดง โดยที่นักท่องเที่ยวไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งขบวนรถทั้งหมดจะถูกนำขบวนโดยคนขับรถที่มีคุณภาพ และได้รับการรับรองจากหน่วยงานท้องถิ่นของเมือง ส่วนรถที่นำมาใช้ก็เป็นรถที่ทันสมัย และมีการบังคับอายุการใช้งาน นอกจากนั้นยังมีหน่วยปฐมพยาบาลคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ไม่ห่าง โดยบั๊กกี้มีทั้งหมด 2 รอบต่อวัน คือช่วงเช้าและช่วงเย็น และจำกัดอายุของผู้เข้าร่วมจะต้องไม่ต่ำกว่า 16 ปี
ตื่นเต้นกับโชว์ระบำหน้าท้อง Belly Dance ซึ่งหาดูได้ยาก จากสาวสวยเซ็กซี่ มีเฉพาะแถบอาหรับเท่านั้น ใส่กระโปรง เต้นสนุกสุดเหวี่ยว โชว์ลีลาศิลปะการเต้นสไตล์อาหรับ สวยงาม ในบรรยากาสที่แสนสบาย พร้อมอิ่มอร่อยกับอาหารค่ำ และจิบกาแฟหอมกรุ่น
ตลาดทองคำเป็นตลาดทองที่ใหญ่สุดในโลกซึ่งยังคงสภาพเดิม ในขณะที่ตลาดส่วนใหญ่ปรับโฉมเป็นห้างสรรพสินค้าและร้านค้าสมัยใหม่ โดยที่ขายทุกอย่างที่เป็น JEWELRY เช่น มุก และอัญมณีต่างๆ โดยมีร้านทองมากมายกว่า 100 ร้าน ที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับลวดลายสวยงามแปลกตา และหลากหลายดีไซน์ให้ได้เลือกซื้อหา