ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก
ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ เป็นสนามบินหลักที่ให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดจิบะ ในอดีตสนามบินแห่งนี้เคยใช้ชื่อว่า New Tokyo International Airport จนกระทั่งปี 2004 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะถึงแม้ว่าสนามบินแห่งนี้จะให้บริการแก่ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกโตเกียวเป็นหลัก แต่ตัวสนามบินกลับไม่ได้ตั้งอยู่ในโตเกียว ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนชื่อตามแหล่งที่ตั้งนั่นเอง
มหานครโตเกียว หรือ "โตเกียว" เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคคันโต มีระบบการปกครองพิเศษที่รวมการปกครองแบบจังหวัดและเมืองไว้ด้วยกัน โตเกียวได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และที่นี่ยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงแลนด์มาร์คสำคัญๆ ที่ได้รับการโหวตให้ติดอันดับโลกในด้านการท่องเที่ยวอยู่เนืองๆ หากใครคิดจะมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่ได้มาเยือนโตเกียวซักครั้งแล้วล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกค้างคาใจ เหมือนมาไม่ถึงประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
วัดอาซากุสะ (Asakusa) หรือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ เป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว ภายในวัดมีเทวรูปคันนงประดิษฐานอยู่ รวมทั้งยังมีเจ้าแม่กวนอิมอันศักดิ์สิทธิ์ที่ใครมาขอพรสิ่งใดก็สมความปรารถนาทุกประการ นอกจากนี้ยังมีโคมแดงยักษ์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำวัด ที่ใครมาถึงต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ถนนอิโชนามิกิ เป็นถนนอีกสายหนึ่งที่คนญี่ปุ่นให้คนนิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นจำนวนมาก โดยปกติตั้งแต่เดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคมของทุกปีจะตรงกับฤดูใบไม้เปลี่ยนสี [ขึ้นกับสถานที่ในแต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่น] ถนนแห่งนี้ปลูกต้นแป๊ะก๊วยไว้ตลอด 2 ข้างทางในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีใบของต้นแปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามสวยงาม อิสระท่านจะได้ถ่ายรูปและชมความงามของใบไม้ที่เปลี่ยนสีพร้อมกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติกท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย
ชินจูกุ หรือ ย่านชินจูกุ แหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลายคนอาจไม่เชื่อว่าในอดีตย่านนี้เป็นเพียงที่ "ทิ้งขยะของเมือง" แต่ปัจจุบันชินจูกุได้แปรสภาพกลายเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ เป็นศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าชื่อดัง อาทิ อิเซตัน (Isetan) ทาคาชิมายะ (Takashimaya) ดองกี้ (Don Quijote) โอดะคิว (Odakyu) รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์สำคัญอีกหลายแห่งที่รอให้นักท่องเที่ยวไปทำความรู้จัก
พระใหญ่แห่งเมืองคามาคุระองค์นี้หรือที่คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันในชื่อว่าไดบุทสึ แต่จริงๆ แล้วพระองค์นี้มีชื่อจริงๆ ว่า พระอมิตพุทธ นิโอยุราอิ ตั้งอยู่ภายในวัดโคโตกุอิน โดยสร้างจากสำริดแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.1795 และมีความสูงรวมฐานอยู่ที่ 13.35 เมตร ส่วนน้ำหนักราว 122 ตัน สำหรับสีเขียวขององค์พระที่เห็นนั้นไม่ใช่เพราะว่าทาสีเขียว แต่เกิดจากการที่สำริดทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับฝนและหิมะมาอย่างยาวนานหลายพันปีจนทำให้กลายเป็นสีเขียว ซึ่งหากสังเกตให้ดีก็จะเห็นรอยเชื่อมต่อโลหะขององค์พระทั้งหมดถึง 8 ชิ้น
เมืองฮาโกเน่ (Hakone) เมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ที่ยังมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และขึ้นชื่อในเรื่องออนเซ็น ฮาโกเน่เป็นเมืองที่ยังมีภูเขาไฟที่ยังไม่ปะทุหลงเหลืออยู่ และที่สําคัญ คือ สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากแหล่งท่องเที่ยวได้หลายแห่งนั่นเอง
ทะเลสาบอะชิโนะโกะ หรือ ทะเลสาบฮาโกเน่ เป็นทะเลสาบอันเงียบสงบอันมีภูมิทัศน์สวยงาม เพราะรายล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในเมืองฮาโกเนะ มีลักษณะเป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่ทอดตัวไปในแนวตะวันตกเฉียงใต้ของแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาดฮาโกเนะ ซึ่งทะเสาบแห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะมาล่องเรือที่มีลักษณะคล้ายเรือโจรสลัดเพื่อชมทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามในระยะไกล ซึ่งจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือจุดที่อยู่บริเวณใกล้ๆ กับประตูศาลเจ้าฮาโกเนะสีแดงสดที่จมน้ำอยู่
หุบเขาโอวาคุดานิ หรือ หุบเขานรก เป็นหุบเขาที่มีระดับความสูง 1,040 เมตร ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 พันปีก่อน และในปัจจุบันก็ยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ โดยด้านบนของหุบเขาจะมีควันสีขาวพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นด้านบนยังมีบ่อน้ำร้อนแร่กำมะถันที่มีความร้อนถึง 80 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถต้มไข่ให้สุกได้ และไข่ที่ต้มนั้นเมื่อสุกแล้วแกะเปลือกออกจะกลายเป็นไข่สีดำ ที่เชื่อกันว่าหากใครได้กินไข่ดำ 1 ฟอง จะมีอายุยืนขึ้นไปอีก 7 ปี
หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) หมู่บ้านเล็กๆ ที่เป็นจุดท่องเที่ยวที่สร้างขึ้น ตั้งอยู่ที่จังหวัดยามานาชิ ในเขตพื้นที่เดียวกันกับทะเลสาบทั้ง 5 ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาไฟฟูจิ โดยอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) กับทะเลสาบยามานาคาโกะ (Lake Yamanakako) มีจุดเด่นคือบ่อน้ำ 8 บ่อที่เป็นน้ำจากหิมะที่ละลายในช่วงฤดูร้อน ที่ไหลมาจากทางลาดใกล้ๆภูเขาไฟฟูจิผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนอายุกว่า 80 ปี ทำให้น้ำใสสะอาดเป็นพิเศษ
สวนโออิชิ (Oishi Park) ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคาวากูจิโกะ จังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง ภายในสวนเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ สีสันสวยงาม ที่มีการปลุกหมุนเวียนกันตลอดทั้งปี
อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Momiji Kairo) จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามบริเวณทะเลสาบคาวากูชิโกะ ต้นเมเปิ้ลที่ขึ้นอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของคลองน้ำจะเปลี่ยนสีทั้งสีส้มและสีแดง ใบที่แห้งแล้วก็จะร่วงหล่นลงที่คลอง ทําให้ทั้งด้านบนและด้านล่างเต็มไปด้วยใบเมเปิ้ล จึงดูเหมือนกับเป็นอุโมงค์ใบเมเปิ้ล ในตอนกลางคืนจะมีไฟ illumination เปิดประดับยาวตามทางเดินไปตลอดแนวอีกด้วย
เมืองชิซูโอกะ (Shizuoka) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ ในภูมิภาคชูบุ บนเกาะฮนชู ประเทศญี่ปุ่น เมืองนี้เป็นที่ตั้งของภูเขาฟูจิและมีชื่อเสียงของการปลูกชาเขียวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น สวนสัตว์ฟูจิ ซาฟารี น้ำตกชะระอิโตะโนะทะคิ และ Miho no Matsubara จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยติดอันดับของญี่ปุ่น
ทะเลสาบฮามานะ (Lake Hamana) ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งแปซิฟิก เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของญี่ปุ่น ครอบคลุมเมืองฮามะมัทสึ (Hamamatsu) และเมืองโคะไซ (Kosai) จังหวัดชิซุโอกะ เรียกได้ว่าแหล่งท่องเที่ยวเริ่ดๆ เพียบ เดิมทีตัวทะเลสาบเองเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่แยกออกมาจากมหาสมุทร ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวในปี 1498 ทำให้น้ำจืดเปลี่ยนเป็นน้ำเค็มในที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือคังซังจิออนเซน (Kanzanji Onsen) รีสอร์ทน้ำพุร้อนบริเวณชายฝั่งตะวันออก
เมืองเกียวโต เป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 1,200 ปีก่อน และยังเป็นศูนย์กลางของเกาะฮอนชู นอกจากนี้ยังเป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น วัดคิงกะกุที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1940 อีกทั้งยังเป็นเมืองที่สามารถสืบทอดประเพณีและวัฒนธรรมที่งดงามของญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นอาราชิยาม่าที่สะท้อนให้เห็นถึงแม่แบบของทิวทัศน์ญี่ปุ่น เป็นต้น
วัดคิโยมิซึ หรือ วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera Temple) ตั้งอยู่บนเนินเขาฮิงายามาทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ชื่อวัดตั้งตามชื่อของน้ำตกที่อยู่ในบริเวณวัดที่เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จากเทือกเขา เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 1,500 ปี มีชื่อเสียงในเรื่องเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่สุดในภูมิภาคนี้ ในปี ค.ศ. 2007 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลก และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ไทฉะ หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อถวายให้แก่เทพเจ้าแห่งการเกษตร ภายในบริเวณศาลเจ้านั้นเต็มไปด้วยรูปปั้นสุนัขจิ้งจอก เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกนั้นเป็นสัตว์นำสาส์นของเทพเจ้าอินาริ ทั้งยังมีอำนาจพิเศษในการแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ นอกจากนี้ทางด้านหน้าศาลเจ้ายังมีเสาโทริอิสีแดงส้มเรียงเป็นแถวเป็นแนวยาวถึง 4 กิโลเมตร ซึ่งเสานี้คือสัญลักษณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาชินโตนั่นเอง
โอซาก้า เป็นเมืองที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในเกาะฮอนชู มีชาวต่างชาติที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวอาศัยอยู่มากที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากนี้โอซาก้ายังเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเล และยังมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน จึงทำให้มีผู้คนสัญจรไปมาทั้งจากในและนอกประเทศมากมาย จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นประตูเข้าออกสู่โลกภายนอกแห่งแรกของญี่ปุ่น
ย่านชินเซไก (Shinsekai) แหล่งช้อปปิ้งและย่านแห่งไนท์ไลฟ์ อันมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโอซาก้า สัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือโคมกระดาษรูปปลาปักเป้า ย่าน Shinsekai นี้มีประวัติมาตั้งแต่ปี 1903 เมื่อรัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าในประเทศครั้งที่ 5 บริเวณนี้และย่าน Tennoji ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดแสดง หลังเสร็จสิ้นการแสดงแล้ว ทางราชการได้ตกลงให้สร้างสวนสาธารณะ Tennoji และหอคอย Tsutenkaku ไว้เป็นที่ระลึกทางทิศตะวันตก
ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine) หนึ่งในศาลเจ้าที่แปลกตาด้วยการออกแบบเป็นหัวสิงโตขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า สูง 17 เมตร คนญี่ปุ่นนั้นมีความเชื่อกันว่าปากของสิงโตนั้นจะช่วยกลืนกินสิ่งไม่ดี ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายและนำพามาโชคลาภเข้ามา ที่นี่นอกจากคนญี่ปุ่นจะมาขอพรเรื่องการเรียนหรือด้านการงานให้เกิดความสำเร็จอีกด้วย
ปราสาทโอซาก้า หรือ โอซาก้าโจ (Osaka Castle) คือสถานที่สำคัญและยังเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองโอซาก้าที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม สร้างขึ้นครั้งแรกในบริเวณที่เคยเป็นวัดอิชิยามะฮนกังจิ เมื่อปีค.ศ.1583 ปัจจุบันปราสาทโอซาก้ามีความสูง 55 เมตร มี 5 ส่วน 8 ชั้น โดยบนหอคอยชั้น 8 สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือประตูขนาดใหญ่และป้อมปราการที่ทำมาจากก้อนหินใหญ่อันสูงชันเกือบ 30 เมตรนั่นเอง
เอ็กซ์โปซิตี้ (Expo City) เป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ในโอซาก้า ศูนย์รวมความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เอ็กซ์โปซิตี้เป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะอนุสรณ์งาน Expo ในเมืองซุอิตะ จังหวัดโอซาก้า มีเนื้อที่ทั้งหมดราว 172,000 ตารางเมตร ภายในพื้นที่แห่งนี้มีแหล่งความบันเทิงมากมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Fusing the enjoyment of playing, learning, and discovering"
ริงกุ พรีเมี่ยม เอ้าท์เลท คืออีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของโอซาก้า ตั้งอยู่ที่เมืองริงกุ ตรงข้ามกับท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ โดยออกแบบให้มีลักษณะเหมือนกับเมืองท่าของสหรัฐอเมริกา และมีบรรยากาศแบบรีสอร์ท ซึ่งภายในแม้จะไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และร้านค้าแบรนด์เนมหลากหลายอันมีชื่อเสียงจากต่างประเทศ
ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ท่าอากาศยานนานาชาติที่ตั้งอยู่ในอ่าวโอซากา นอกชายฝั่งเมืองเซ็นนังและเมืองอิซุมิซะโนะ จังหวัดโอซะกะ ญี่ปุ่น มักถูกเรียกในภาษาอังกฤษว่า Osaka Airport หรือท่าอากาศยานโอซากา ออกแบบโดยสถาปนิก Renzo Piano เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2537
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก