หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
ทุ่งหญ้าคนเลี้ยงแกะ สถานที่ที่ทูตสวรรค์มาบอกข่าวการประสูติของพระเยซูแก่คนเลี้ยงแกะ
อิน คาริม เมืองเก่าซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาที่เงียบสงบระหว่างภูเขาและเนินเขาล้อมรอบด้วยความงามของสวนธรรมชาติในย่านที่งดงามที่สุดของกรุงเยรูซาเล็มเหมือนเกาะในทะเลของป่าสีเขียวในทิศตะวันตกเฉียงใต้เยรูซาเล็ม, มีบ้านหินที่มีเสน่ห์ประดับด้วยซุ้มโบสถ์ที่มีระฆังตีระฆังในอากาศที่ชัดเจนและเส้นทางที่น่ารักปูด้วยหิน อินคาริม เป็นสถานที่แสวงบุญสำหรับผู้เข้าชมที่นับถือศาสนาคริสต์จำนวนมากที่มาที่นี่ทุกปี
Mount of Temptation ชมวัดของนิกายออร์โธดอกซ์ St.George บนยอดเขา
สระเบธซาธา สระนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพระเยซูคริสต์เจ้าได้รักษาคนพิการ
ยอดเขามะกอก ท่านจะได้เห็นตัวเมืองเยรูซาเล็มทั้งหมด
โบสถ์ข้าแต่บิดา เป็นที่พระเยซูทรงสอนให้สาวก รู้จักคำอธิษฐาน ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย
เมืองเยรีโค เป็นเมืองเก่าแก่ที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก รู้จักกันในนามว่า Tel AL – Sultan คงเหลือให้เห็นเป็นกำแพงป้องกันเมือง และหินที่มีในยุคหลายพันปีที่แล้ว ถูกทำลายลงในยุคโยชูวา จากนั้นพระเยซูได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ที่บนฝั่งวาดิ ในยุคปกครองแฮสโมเนียน และกษัตรย์เฮรอด
เดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูง มีพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล ระหว่างเทือกเขายูเดียทางด้านเหนือ และที่ราบสูงทรานสจอร์แดนทางด้านตะวันออก และน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนจะไหลจากทางเหนือมาสู่ทะเลเดดซีในทุกๆ ปี แต่เนื่องจากว่าเดดซีนั้นมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเลย ดังนั้นน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนที่มีทางออกลงสู่ทะเลจึงพัดพาเกลือมาสู่เดดซีเสมอ และเมื่อเวลาผ่านไปน้ำในทะเลสาบเดดซีจึงมีความเค็มมากกว่าน้ำทะเลทั่วไปถึง 6 เท่า
เมืองเครัค (Kerak) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ในประเทศจอร์แดน เมืองแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัตศาสตร์ เนื่องจากในอดีตได้รับการกล่าวขานว่า เป็นเมืองแห่งสงครามครูเสด ซึ่งเป็นสงครามระหว่างศาสนาคืออิสลามและศาสนาคริสต์ ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงศตวรรษที่ 11-13 ปัจจุบันเมืองเครัค เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวอีกแห่งของประเทศ ด้วยทิวทัศน์อันงดงามที่เป็นเส้นทางขึ้นเขาไปสู่ตัวเมือง จนได้รับฉายาว่า เป็นแกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน รวมทั้งบรรยากาศของเมืองเก่าอันมีมนต์ขลัง
ปราสาทเครัคแห่งครูเสด (Kerak Castle) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงอันงดงามในเมืองเครัค หรือในเมืองที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองแห่งสงครามครูเสด โดยปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1142 โดยเจ้าผู้ครองเมืองเครัคในยุคนั้น เพื่อใช้ควบคุมเส้นทางทั้งทางเหนือและทางใต้ของนักรบครูเสด รวมทั้งใช้เป็นฐานที่มั่นในการต่อสู้สงครามกับกองทัพมุสลิมด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1187 ก็ได้ถูกนักรบมุสลิมภายใต้การนำทัพของแม่ทัพซาลาดิน ทำลายลงอย่างราบคราบ
เปตราคือเมืองลึกลับโบราณที่น่าอัศจรรย์ในยุคปัจจุบัน โดยที่นี่ได้ชื่อว่า “มหานครศิลาทรายสีมชมพู” เนื่องจากเป็นเมืองที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาหินทรายสีชมพูทั้งลูก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี แต่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน เพราะซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดีมูซา อันเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบา ซึ่งมีหลักฐานว่าในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองแห่งการค้าขายที่ยิ่งใหญ่มาก่อน และถูกทิ้งร้างเอาไว้จนกระทั่งนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ไปพบเข้า จึงถูกรับรองให้เป็นมรดกโลกอีกหนึ่งแห่ง
เปตราคือเมืองลึกลับโบราณที่น่าอัศจรรย์ในยุคปัจจุบัน โดยที่นี่ได้ชื่อว่า “มหานครศิลาทรายสีมชมพู” เนื่องจากเป็นเมืองที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาหินทรายสีชมพูทั้งลูก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี แต่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน เพราะซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดีมูซา อันเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบา ซึ่งมีหลักฐานว่าในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองแห่งการค้าขายที่ยิ่งใหญ่มาก่อน และถูกทิ้งร้างเอาไว้จนกระทั่งนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ไปพบเข้า จึงถูกรับรองให้เป็นมรดกโลกอีกหนึ่งแห่ง
วิหารเอล-คาซเนท์เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาหินสีชมพู ในนครเปตรา ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่1-2 ตัววิหารมีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร และได้รับการออกแบบโดยมีผลจากอิทธิพลของศิลปะในแบบอิยิปต์ กรีก นาบาเทียน ฯลฯ ภายในประกอบไปด้วย 3 ห้อง คือห้องโถงใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง และอีกสองห้องเล็กทางด้านซ้ายและขวา ในอดีตที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับเจ้าเมือง ทั้งยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาและสุสานฝังศพด้วย
โรงละครโรมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองอัมมาน เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน และเป็นโรงละครในแบบโรมันที่จุผู้ชมได้มากถึง 6,000 คน อีกทั้งยังเป็นโรงละครในศตวรรษที่ 2 ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์จนมาถึงปัจจุบันนี้ สำหรับรายละเอียดส่วนอื่นของที่นี่นั้น มันถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นล่างสุดสำหรับผู้ที่มีตระกูลสูงศักดิ์หรือขุนนาง ส่วนชั้นถัดไปสำหรับสมาชิกวุฒิสภา และชั้นบนสุดเป็นที่นั่งสำหรับประชาชนทั่วไป และทางด้านซ้ายของโรงละครจะมีรูปปั้นของนักรบเบดูอินคอยดูแลปกป้องโรงละครแห่งนี้
กรุงอัมมานเป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดน ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 6,000 ปี ทั้งยังเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างอารยะธรรมยุคเก่า และโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว นอกจากนั้นอัมมานยังเป็นเมืองบนภูเขาที่มีมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ ซากวิหารในสมัยโรมัน พิพิธภัณฑ์เก่าแก่ และซากพระราชวังเก่าที่มีอายุหลายพันปี เป็นต้น
เมืองอัจลุนเป็นเมืองที่อยู่บนภูเขาสูงที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าสนและต้นมะกอกทางตอนเหนือของประเทศจอร์แดน และตั้งอยู่ห่างจากกรุงอัมมานไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 76 กิโลเมตร ซึ่งจุดเด่นของเมืองอัจลุนนั้นก็คือซากปรักหักพังของเมืองเก่าอันเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในช่วงสงครามครูเสดที่ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้มาเยือนเมืองนี้ปีละไม่น้อย นอกจากนั้นอัจลุนยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา และนี่ก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ของอัจลุนให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ปราสาทแห่งเมืองอัจลุน เป็นปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขา ถูกสร้างโดย Izz al-Din Usama ผู้เป็นหลานของ Saladin ผู้นำของชาวมุสลิมและอาหรับผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถยึดกรุงเยรูซาเร็มได้ สร้างขึ้นเมื่อ คศ.1184-1185 ในสงครามศาสนาเพื่อต่อต้านพวกครูเสด รวมถึงปกป้องกองคาราวานของชาวมุสลิมด้วย จนกระทั่งเมื่อประมาณปี คศ.1800 ปราสาทนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชั้นบนของตัวปราสาทส่วนใหญ่ถูกทำลายไปแล้ว แต่ขึ้นมาถ่ายรูปและดูวิวรอบๆได้ ถือเป็นโบราณสถานอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่และคงความงามของศิลปะยุคโรมัน
เมืองเจราช (Jerash) เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของประเทศจอร์แดน โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่ ด้วยที่นี่เคยมีสถานะเป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของชนชาติโรมันมาก่อนราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล ดังนั้นสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างในเมืองแห่งนี้จึงล้วนแต่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบโรมันทั้งสิ้น จนทำให้เจราชได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองโรมันโบราณเจราช หรือเมืองพันเสา รวมทั้งปอมเปอีแห่งตะวันออก
โอวัลพลาซ่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองเจราช ซึ่งในอดีตนั้นที่นี่คือสถานที่นัดพบปะ ชุมนุมสังสรรค์กันของชาวเมืองเจราช ด้วยความกว้างถึง 90 เมตร และความยาว 80 เมตร โดยล้อมรอบด้วยทางเท้าขนาดกว้างและต้นเสาอันเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลในช่วงศตวรรษที่ 1 จากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 7 จึงได้มีการบูรณะต่อเติมให้มีเสาตรงกลางอีก 2 ต้น พร้อมกับน้ำพุขนาดใหญ่
มหาวิหารเทพีอาร์เทมิสตั้งอยู่ในเมืองเจราช สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 150 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีบรวงสรวง และพิธีบูชายัญแด่เทพีอาร์เทมิสซึ่งเป็นเทพีประจำเมืองเจราช โดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ทั้งนี้วิหารแห่งนี้เคยได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วครั้งหนึ่งโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเนื่องจากถูกเพลิงไหม้เสียหาย จนกระทั่งปัจจุบันความสวยงามของมหาวิหารนี้ได้เสื่อมสลายไปเหลือไว้แต่ซากเสาเพียงเท่านั้น แต่มนต์ขลังนั้นยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ถนนคาร์โด หรือถนนโคลอนเนดเป็นถนนสายหลักที่สำคัญสำหรับการเดินทางเข้าออกเมืองเจราช ประเทศจอร์แดนในอดีต ซึ่งปัจจุบันถนนสายนี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่หลงใหลความคลาสสิกของโลกยุคโรมันเรืองอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยของล้อรถม้าบนพื้นถนน ฝาท่อระบายน้ำโบราณ ซุ้มโคมไฟ บ่อน้ำดื่มสำหรับม้า รวมทั้งน้ำพุใจกลางเมืองที่สร้างขึ้นราวๆ ปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศให้แก่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นเทพธดาที่ชาวพื้นเมืองให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
น้ำพุใจกลางเมืองเจราช เป็นน้ำพุที่ตกแต่งประดับด้วยหินอ่อนหันหน้าไปในระดับล่าง ทาสีฉาบปูนในระดับบน และราดด้วยหลังคาโดมครึ่ง สร้างช่องยักษ์ใหญ่ น้ำระดับล่างผ่านเจ็ดหัวสิงโตแกะสลักลงในแอ่งเล็ก ๆ บนทางเท้า สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ดและตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
มาดาบาเป็นเมืองที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของจอร์แดนมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยถูกเรียกว่าเป็นเมืองแห่งโมเสก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการทำโมเสก จึงทำให้มาดาบามีสิ่งก่อสร้างสำคัญๆ ที่ประกอบด้วยแผ่นโมเสกอยู่มากมาย ทั้งยังเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงอัมมานประมาณ 30 กิโลเมตรมาเป็นเวลากว่าสี่พันปี นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตรอบทะเลเมดิเตอเรเนียน และสถานที่สำคัญๆ อื่นๆ อย่างเช่นเยรูซาเลม แม่น้ำจอร์แดน ทะเลเดดซี เขาไซนาย และประเทศอียิปต์ เป็นต้น
ยอดเขาเนโบเป็นภูเขาอันถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเชื่อว่าที่นี่คือบริเวณที่โมเสส ผู้นำชาวยิวส์เดินทางมาจากประเทศอียิปต์เพื่อมายังเยรูซาเล็มได้เสียชีวิตอยู่ที่นี่ ทั้งยังมีการฝังศพไว้ที่นี่ นอกจากนั้นบนยอดเขาเนโบยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์เมาท์เนโบซึ่งมีการสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในข่วงปี ค.ศ. 300-400 อันเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในยุคไบแซนไทน์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นโบสถ์ที่ระลึกถึงโมเสสนั่นเอง กระทั่งในปี ค.ศ. 2000 โป๊ปจอห์น ปอล ที่ 2 ได้ประกาศให้ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงปัจจุบัน