หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
กรุงบูคาเรสต์ (Bucharest) คือเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโรมาเนีย โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแดมโบวิตา(Dambovita) อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในโรมาเนียอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว บูคาเรสต์ ยังเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นในด้านการท่องเที่ยวไม่แพ้เมืองหลวงของประเทศอื่นๆ เลยเพราะยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีธรรมชาติอันสวยงามล้อมรอบด้วยเทือกเขา และทะเลสาบจนได้สมญานามเป็นที่รู้จักกันทั่วยุโรปว่า “ปารีสน้อย” แห่งโรมาเนีย
ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศโรมาเนีย (Palace of Parliament) ทำเนียบแห่งนี้ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากตึกเพนตากอนของสหรัฐอเมริกา สถาปัตยกรรมสุดอลังการแห่งนี้เริ่มก่อสร้างใน ค.ศ. 1984 โดยนิโคไล เซาเซสคู ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติโรมาเนีย ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคมีขนาดใหญ่ถึง 270x240 เมตร มีความสูง 12 ชั้น ภายในอาคารมีห้องมากถึง 2,000 ห้อง ทั้งภายนอกและภายในอาคารตกแต่งอย่างหรูหรา ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ใช้เป็นรัฐสภาของประเทศ
เมืองซินายา (Sinaia) เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในมณฑลพราโฮวา โดยตัวเมืองนั้นตั้งลึกเข้าไปในเทือกเขาคาร์เพเธียน เป็นเมืองรีสอร์ทที่ได้รับความนิยมเมืองหนึ่งของประเทศโรมาเนีย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศที่ดีมาก และมีความหลากหลายทางด้านทัศนียภาพ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่าและกีฬาฤดูหนาว แนะนำว่าควรจะมาเมืองซินายาสักครั้งหนึ่ง
ปราสาทเพเลส (PELES CASTLE) ได้ชื่อว่า ปราสาทที่สวยที่สุดในโรมาเนีย ตั้งอยู่ในหุบเขาบูเซกิ เมืองซินายา ทางตอนเหนือของบูคาเรสต์ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1873 โดยกษัตริย์คาโรล ที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งโรมาเนีย ปราสาทแห่งนี้เป็นการผสมผสานสุดยอดความงามของศิลปะจากหลายเชื้อชาติ ภายในปราสาทตกแต่งหรูหราอลังการด้วยไม้แกะสลักลวดลายงดงาม ว่ากันว่าภายในปราสาทมีการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามยิ่งกว่าพระราชวังแวซายด์เสียอีก และปราสาทแห่งนี้ยังเป็นที่รวบรวมงานศิลปะสูงค่าจากประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น โคมไฟระย้าจากอิตาลี เป็นต้น
เมืองบราซอฟ (Brasov) เมืองที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไข่มุกเม็ดงามของประเทศโรมาเนีย เมืองที่ได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่า เป็นสวิสน้อยแห่งยุโรปตะวันออก โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศ มีร่องรอยอันเก่าแก่ทางวัฒนธรรม เราสามารถท่องเที่ยวตัวเมืองได้ในบริเวณย่านเมืองเก่า สถานที่ที่เราจะได้ชื่นชมอาคารยุคกลาง ที่ค่อนข้างมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน และสัมผัสกลิ่นอายของเมืองเก่าที่ยังคงรักษาความดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี
พิพิธภัณฑ์โรงเรียนแรกของประเทศโรมาเนีย (MUSEUM OF FIRST ROMANIAN SCHOOL) ตั้งอยู่ในเขตโบสถ์เซนต์นิโคลัส (Saint Nicholas Orthodox Church) เป็นแหล่งผลิตหนังสือแห่งแรกของเมืองในปี 1556 เป็นที่จัดเก็บหนังสือโบราณกว่า 4000 เล่มรวมไปถึงเอกสารเก่าแก่ที่สำคัญต่างๆ มากมาย
โบสถ์ดำ (Black Church) ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1383 เป็นโบสถ์ที่ก่อสร้างตามแบบศิลปะโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโรมาเนีย สาเหตุที่เรียกว่าโบสถ์ดำก็เพราะว่า โบสถ์แห่งนี้ถูกไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ.1689 ทำให้คราบดำจากเขม่าเกาะไปทั่วผนังโบสถ์จนกลายเป็นสีดำ ทางรัฐบาลจึงทิ้งให้อยู่ในลักษณะนี้ เพื่อให้เป็นความแปลกและเป็นจุดเด่นของโบสถ์ แต่ภายหลังคราบเขม่าดำได้หลุดลอกไปตามกาลเวลา จนทำให้ปัจจุบันผนังของโบสถ์มีสีไม่ค่อยดำเหมือนในอดีต
เมืองบราน (Bran) คืออีกเมืองที่มีชื่อเสียงมากเมืองหนึ่งในมณฑลบราโชฟของประเทศโรมาเนีย มีชื่อเสียงในเรื่องของตำนานผีดูดเลือด หรือ แดร็กคิวลา จากความเชื่อที่ว่าเมืองแห่งนี้เป็นที่อยู่ของแดร็กคิวลาในอดีต ปัจจุบันเมืองบรานได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมาตามรอยตำนานผีดูดเลือดนั่นเอง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเมือง ก็คือ "ปราสาทบราน" ปราสาทที่สวยงามแต่กลับซ่อนความน่าสะพรึงกลัวจนแทบรู้สึกได้
ปราสาทบราน (Bran Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศโรมาเนีย ปราสาทแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในนามของปราสาทแดร็กคูล่า โดยตัวปราสาทตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอด สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมควบคุมเส้นทางการค้าและเก็บภาษี ระหว่างแคว้นวาลันเซียและแคว้นทรานซิลวาเนีย นอกจากวิวทิวทัศน์จากตัวปราสาทแล้ว เรายังจะได้ชมวิวฟาร์ม อาคารบ้านเรือนในแบบดั้งเดิมของโรมาเนีย ซึ่งมีความสวยงามมากเลยทีเดียว
ถนนช้อปปิ้งสินค้าเครื่องแก้ว (Romania Glass Street) เป็นถนนที่มีร้านค้าขายเครื่องแก้วมากมาย ทั้งเครื่องแก้วที่ผลิตจากการเป่า, คริสตัล, เครื่องแก้วที่ได้จากการเจียรนัย ในรูปแบบหลากหลายทั้งสไตล์โมเดิลและสไตล์โบฮีเมียนที่มีชื่อเสียง แต่ละร้านมีสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นสินค้าตกแต่งบ้านหรือของฝากมากมาย
เมืองไกเออร์จู หรือ เมืองจูร์จู (Giurgiu) เป็นอีกหนึ่งเมืองในประเทศโรมาเนีย ตั้งอยู่ท่ามกลางโคลนแฟลตและบึงบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำดานูบ หันหน้าไปทางบัลแกเรีย และยังเป็นเขตพรมแดนเพื่อข้ามไปยังบัลแกเรียด้วย เมืองแห่งนี้มีที่พักอาศัยขนาดใหญ่ ทางทิศเหนือของเมืองไกเออร์จู อุดมไปด้วยเมล็ดพันธ์พืชต่างๆมากมาย นอกจากนี้ยังมีการส่งออกไม้,เมล็ดพืช,เกลือ,น้ำมันปิโตรเลียม อีกด้วย
เมืองเวลีโค ทาร์โนโว (Veliko Tarnovo) หนึ่งในเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศบัลแกเรีย เพียงแค่เราเดินทางขึ้นไปทางเหนือของประเทศ ก็จะพบกับเมืองที่มีชื่อเสียงในอดีต ซึ่งปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ให้มาชื่นชมสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ชวนให้ต้องมนต์ขลังของโลกยุคโบราณจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น เมืองเวลีโค ทาร์โนโว เป็นเมืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาถึงสามลูก ด้วยความพร้อมในทุก ๆ ด้านเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศบัลแกเรียตอนเหนือนั่นเอง
ปราสาทซาร์เรเวต (Tsarevets Castle) เป็นอดีตที่ประทับของจักรพรรดิแห่งบัลแกเรีย ซึ่งภายในมีอาคารและป้อมปราการในยุคกลางที่สำคัญ และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ตั้งอยู่รายล้อมบริเวณริมแม่น้ำยานตา ปัจจุบันได้มีการทำนุบำรุงรักษาอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ป้อมปราการแหล่งนี้อยู่ในลักษณะที่ค่อนข้างสมบูรณ์
เมืองคาซานลัค (Kazanlak) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาบอลข่าน ประเทศบัลแกเรีย ถือว่าเป็นเมืองที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคสมัยหินใหม่ ซึ่งถือว่ามีความเก่าแก่ที่สุดในแถบนี้ โดยเฉพาะถ้าหากคุณมีโอกาสไปสัมผัสส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองกันที่ ถนน Mirska (Mirska Street ) ถนนก้อนกรวดที่มากไปด้วยเสน่ห์สองข้างทางเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของอาคารบ้านเรือนที่งดงามเมืองคาซานลัค
หุบเขาแห่งดอกกุหลาบ (The Valley of Roses) เป็นแหล่งปลูกกุหลาบอันกว้างใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเยือนเมืองคาซานลัคมีภูมิอากาศ เหมาะแก่การเติบโตของดอกกุหลาบอย่างมาก อาจจะเรียกได้ว่า ดอกกุหลาบที่มาจากเมืองคาซานลักเป็นดอกกุหลาบที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดในโลก ท่านจะได้ชมความสวยงามของดอกกุหลาบนานาชนิด ที่เบ่งบานรอการเก็บเกี่ยวอย่างสวยงาม ชมวิธีการเก็บดอกกุหลาบในไร่ และให้ท่านได้ลองเก็บ กุหลาบที่มีกลิ่นหอมอย่างสนุกสนาน
เมืองพลอฟดิฟ (Plovdiv) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศบัลแกเรีย ตั้งอยู่บนฝั่้งแม่น้ำมาริทซา มีสภาพแวดล้อมที่เป็นชนบทที่คล้ายคลึงกับ Great Plains ในสหรัฐอเมริกา แต่ในตัวเมืองกลับมีบางสิ่งที่โดดเด่นเหมือนกรุงโรม ส่วนที่เก่าแก่ของตัวเมืองได้รับการอนุรักษ์ทางสถาปัตยกรรม ทำให้เมืองพลอฟดิฟยังคงมีกลิ่นอายของยุคเรอเนสซองส์จนถึงปัจจุบัน สภาพตึกรามบ้านช่องยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งรูปแบบเดิม ทำให้เป็นที่น่าประทับใจของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน
โรงละครแอสเพนดอส (Aspendos Theater) เป็นเมืองกรีก-โรมันโบราณในจังหวัดอันตัลยา ของประเทศตุรกี เป็นโบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีและมีสภาพสมบูรณ์ เดินขึ้นบันไดไปที่บริเวณที่นั่งบนอัฒจรรย์ของโรงละคร ชื่นชมความงามและการตกแต่งลานเวที ซึ่งสามารถจุได้ถึง 15,000 คน และยังคงใช้จัดงานเทศกาลและจัดงานทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
โบสถ์เซนต์คอนสแตนติน (Konstantin Church) ถือว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ในอดีตเคยเป็นกำแพงป้อมปราการของเมือง ในช่วงปีที่ผ่านมาอาคารที่ถูกทำลายและสร้างใหม่หลายต่อหลายครั้ง สิ่งปลูกสร้างในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใน 1832 ด้วยความช่วยเหลือของผู้รักชาติในท้องถิ่น
เมืองโซเฟีย (Sofia City) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐบัลแกเรีย โซเฟียเป็นเมืองหลวงสุดน่ารัก เต็มไปด้วยอาคารเก๋ๆ ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีพาสเทล แค่เดินเล่นถ่ายรูปเฉยๆ ก็มีความสุขแล้ว นอกจากนี้ยังมีร้านค้าให้เพื่อนได้ช้อปปิ้ง พร้อมคาเฟ่และร้านอาหารในเมืองบริเวณมาร์เก็ตฮอลล์ (Market Hall) ให้เราได้แวะชิม แวะช้อปอยู่มากมาย และสีสันในยามค่ำคืนก็ไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย
มหาวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) ซึ่งถือเป็นมหาวิหารคริสตจักรนิกายออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของภูมิภาค ก่อสร้างในแบบโดมหลังคาทรงกลมสีเขียว ตกแต่งด้วยหินอ่อนที่วิตรตระการตา สามารถจุผู้เข้าทำพิธีได้ประมาณ 10,000 คน ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิค อเล็กซานเดอร์ โพมีรานท์เซฟ
โรงละครโอเปร่า อิวาน (Ivan Vazov Opera House) เข้าร่วมชมการแสดงโอเปร่าหรือบัลเลต์ที่โรงละครแห่งชาติ Ivan Vazov อยู่ใกล้กับอาคารรัฐสภา อยู่ห่างในระยะเดินได้จากสถานที่สำคัญอื่นๆ ของเมือง และสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยบริการขนส่งมวลชน สถานีรถไฟใต้ดิน SU Sv. Kliment Ohridski อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 5 นาทีโดยการเดิน และรถทัวร์ชมเมืองก็จอดในบริเวณใกล้เคียงด้วย มาที่นี่แล้ว อย่าลืมแวะเดินเล่นใน Borisova Gradina (สวน Boris) ที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ชมการตกแต่งอย่างหรูหราที่วิหาร Alexander Nevsky