หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก
นครโฮจิมินห์ หรือชื่อเดิม "ไซ่ง่อน" เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม และมีการลงทุนจากต่างประเทศมากถึงร้อยละ 34.9 ของทั้งประเทศ เป็นเมืองหลักทางภาคใต้ที่มีท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีท่าอากาศยานระหว่างประเทศ โฮจิมินห์เป็นเมืองหลวงเก่าที่เคยปกครองโดยระบบเสรีนิยม จึงเปิดกว้างด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งภาคธุรกิจส่วนใหญ่ของประเทศจะอยู่ที่นครแห่งนี้
เมืองดาลัด หรือ ยาตรัง ดินแดนแห่งความรักผลิบาน ได้ชื่อว่าเป็นหุบเขาแห่งความรัก สัมผัสบรรายกาศดี โอบล้อมไป ด้วยขุนเขา แมกไม้นานาพันธุ์ และทะเลสาบ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวโรแมนติคที่สุดในเวียดนาม ด้วยเนินเขาเขียวขจีที่สลับซับซ้อน ทะเลสาบในสายหมอกบางๆ และป่าสนอันหอมกรุ่น ดาลัด แวดล้อมไปด้วยป่าเขา ไร่กาแฟและสวน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล1,475ม มักได้รับการเรียกขานให้เป็น “เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์” เป็นสมญานามที่เหมาะสุด เพราะแม้ในอากาศอันร้อนระอุของฤดูร้อนอุณหภูมิในตัวเมืองอยู่ระหว่าง15-24องศา
น้ำตกดาตันลา หรือ น้ำตกดาลัด ตั้งอยู่นอกเมืองดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร ดาตังลา หมายถึง น้้ำตกที่ไหลจากซอกใบไม้ สามารถเดินขึ้นถึงข้างบน เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆ เกื้อหนุน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทำให้สามารถดึงดูดนักเที่ยวมาชมน้ำตกนี้เป็นจำนวนมาก
ทะเลสาบเตวียนลาม (Tuyen Lam Lake) หรือ ทะเลสาบพาราไดซ์ ทะเลสาบใหญ่ของเวียดนาม กั้นไว้ด้วยขุนเขาใหญ่น้อย แวดล้อมไปด้วยทิวสนที่หาดูได้ยาก และพรรณไม้เรียงรายบนเนินเขาท่ามกลางอากาศเย็นสบาย และบรรยากาศแสนโรแมนติค สามารถมานมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดตรคลาม ซึ่งสร้างขึ้นบนเนินเขาตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 สามารถมองเห็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่ เรียกว่า "ทะเลสาบพาราไดซ์" มาถ่ายภาพความประทับใจ สัมผัสบรรยากาศรอบ ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้เมืองหนาว ที่สร้างอยู่บนเนินเขาเหนือทะเลสาบเตวียนลาม
พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบาได๋ แห่งราชวงศ์เหงียน และเป็นจักรพรรดิพระองค์สุดท้าย ได้รับการออกแบบและปลูกสร้างอยู่ท่ามกลางสวนสวย ใต้ร่มเงาของทิวสนใหญ่ ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปี ตั้งแต่ปีพศ. 2476 เป็นสถานที่พักผ่อนของพระองค์และครอบครัว ตั้งอยู่เนินเขาห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 กม. ภายในมีห้องต่างๆ รวมทั้งพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าเบ๋าได๋ มีีความแปลกของสถาปัตยกรรมผสานกับงานศิลปะ บ้านรูปทรงเสมือนยีราฟ เหมือนต้นไม้บ้าง มีห้องนอนหลากหลายห้อง
หุบเขาแห่งความรัก เมื่อก่อนเชื่อกันว่า เป็นบริเวณที่บรรดาจักรพรรดิโปรดปรานมาล่าสัตว์ในช่วงฤดูที่อากาศดีๆ ปัจจุบันนี้กลายเป็น หุบเขาแห่งความรักซึ่งชื่อนี้ได้มาจากนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดาลัด ที่นิยมมาพลอดรักกันที่นี่ ที่มีลักษณะเป็นสวนสวย ถูกประดับตกแต่งด้วยมวลดอกไม้นานาชนิด ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาและทะเลสาบ ทิวทัศน์สวยงามมาก เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับบรรยากาศธรรมชาติที่สรรสร้างมาอย่างวิจิตรบรรจง
ฟานเทียด (Phan Thiet)เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญของ Vietnam ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายที่ใครหลายคนต่างอยากมาชื่นชม และสำรวจ เพื่อเก็บเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ นอกเหนือจากความสวยงามของภูมิประเทศ ที่เมืองฟานเทียดแล้ว ยังมีวัฒนธรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจ หลากหลายด้วยขนบธรรมเนียมประเพนีที่น่าสนใจ อาหารพื้นเมืองอันเลื่องชื่อ พร้อมจะดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ให้มาเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า
ลำธารนางฟ้า (Mui Ne Fairy Stream) อีกหนึ่งสถานที่เช็คอินยอดนิยมในมุยเน่ ธารน้ำสีแดงอันเกิดจากธรรมชาติ ได้รับฉายาว่า "แกรนแคนยอนเวียตนามใต้" เกิดจากการกัดเซาะของน้ำในแอ่งทะเลทราย กลายเป็นโตรกลึกที่เปิดเนื้อดินให้เห็นชั้นของทรายและดินดาน จากธารน้ำเล็กๆ ไหลผ่านภูมิประเทศกึ่งทะเลทราย เซาะเป็นร่องลึกว่า 20 เมตร เปิดให้เห็นชั้นดินและทรายหลากสี นักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของธรรมชาติ ทัศนียภาพของชั้นดิน
ทะเลทรายมุยเน่ ตั้งอยู่ในเมืองมุยเน่ ประเทศเวียดนาม แบ่งเป็น 2 โซนคือ ทะเลทรายขาว (white sand dunes) เป็นเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดของมุยเน่ มีทะเลสาบขนาบข้าง และทะเลทรายสีแดง (Red Sand Dunes) ซึ่งทะเลทรายทั้งสองอยู่ห่างกันราว 30 กม. เนินทรายสีแดง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส เวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวชมคือช่วงเช้า หรือช่วงหลังจาก 15.00 น. เป็นต้นไป เพราะกระแสลมไม่แรงและแดดไม่ร้อนมากจนเกินไป
อุโมงค์กู๋จี อุโมงค์ของชาวเวียดกง มีระยะทาง 80 กม. เป็นอุโมงค์ที่ขุดขึ้นขนาดพอดีตัวในสมัยสงครามกับทหารเวียดนามใต้ และกองทัพอเมริกัน รวมถึงกองทหารพันธมิตรจากนานาประเทศ ที่ชาวเวียดนามต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อุโมงค์นี้ ซึ่งในอดีตเคยมีชาวเวียดนามอาศัยอยู่ภายใต้อุโมงค์นี้ถึง 80,000 คน ในระหว่างการเกิดสงคราม และยังเคยใช้เป็นที่บัญชาการทางทหารและเป็นหลุมหลบภัย ซึ่งมีความยาวกว่า 200 กม. อุโมงค์นี้ยังสามารถทะลุออกสู่แม่น้ำไซง่อนได้อีกด้วย
โบสถ์ไซง่อนนอร์ทเทรอดาม (Saigon Notre-Dame Basilica) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงโฮจิมินห์ ตรงข้ามสำนักงานไปรษณีย์กลางไซง่อน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของเมือง ด้านหน้ามีสวนสาธารณะขนาดเล็ก ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปโบสถ์นี้ และบริเวณสวนด้านหน้าจะมีรูปปั้นพระแม่มารีสีขาวตั้งอยู่คู่โบสถ์ด้วย
ไปรษณีย์กลางไซ่ง่อน หรือไปรษณีย์กลาง เมืองโฮจิมินห์ (Saigon Central Post Office) เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่สุดของเวียดนาม ออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส เป็นศิลปะแบบโกธิคที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2444 ผู้ออกแบบไปรษณีย์แห่งนี้คือ Gustave Eiffel สถาปนิกระดับโลกไปรษณีย์กลางแห่งนี้ได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี มีความหรูหราโอ่อ่าและอ่อนช้อยทว่ามั่นคง จนทำให้นักออกแบบมา กมายต้องมาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งอาคารแห่งนี้
การแสดงระบำตุ๊กตาหุ่นกระบอกน้ำ อันเป็นศิลปกรรมประจำชาติและเอกลักษณ์ของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีแห่งเดียวในโลก คนเชิดมีความสามารถในการเชิดหุ่นกระบอกเป็นเรื่องเป็นราวในชีวิตประจำวันของชาวเวียตนาม และแสดงตำนานสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุงฮานอย โดยนักแสดงเชิดหุ่นกระบอกน้ำ ต้องยืนอยู่ในน้ำตลอดเวลา ตื่นตากับการแสดงตุ๊กตาไม้เป็นหุ่นเชิดในน้ำ ชุดสวย สนุกสนานมากๆ เหมือนหุ่นมีชีวิตด้วย ทั้งหมดในเวทีน้ำ มีแสง สี เสียง แอฟเฟคสวยเก๋มาก มีมังกรพ่นไฟ สวยและดูแปลกดี
ย่านไชน่าทาวน์ นครโฮจิมินห์ (Chinatown หรือ Cho Lon) ความคึกคักและการใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชาวไซ่ง่อน สัมผัสกับบรรยากาศตีกรามบ้านช่องแบบเก่า ความรู้สึกแบบชาวเมืองในอดีตซึ่งยากจะหาชมได้อีกในปัจจุบัน ชมความเป็นอยู่ของชาวบ้านพื้นเมือง
วัดเทียนโฮ่ว..วัดจีนสวยงามที่สุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมสักการะขอพรองค์ราชินีสวรรค์เพื่อความเป็นสิริมงคล วัดจีนแห่งนี้ สร้างด้วยเงินทุนของชาวจีนในมาเลเซีย โดยรัฐบาลได้ให้เงินส่วนหนึ่งในการสร้าง ได้รับการย่งย่องว่าเป็นวัดจีนที่สวยสะดุดตา ยิ่งใหญ่ อีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในบริเวณแขวนโคมไฟจีนสีแดงเป็นจำนวนมาก ดูแล้วสวยงามแปลกตา ในวิหารมี เจ้าแม่กวนอิมองค์ ใหญ่โดดเด่น สีทองอร่มทั้งองค์ ยิ่งสร้างความศัทธาเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น
ตลาดเบนถัน (Ben Thanh Market) อันแสนคึกคักทุกช่วงเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นตลาดกลางของโฮจิมินห์ซิตี้ที่มีขนาดใหญ่และอึกทึกที่สุดในเวียดนาม ตอนเช้าตรู่จะเห็นชาวท้องถิ่นมาเลือกซื้อของสด ก่อนที่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นจะเปิดในช่วงสายๆ ยาวไปทั้งวัน ส่วนตลาดกลางคืนจะตั้งอยู่ข้างของจุดศูนย์กลางตลาด เน้นจำหน่ายเครื่องแต่งกาย เครื่องนุ่งห่ม และของที่ระลึกจนถึง 24:00 น. พร้อมกับร้านอาหารริมถนนที่น่าสนใจ
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก